หนัง จูราสสิค เวิลด์ ทวงคืนอาณาจักร หนังชัด

หนัง จูราสสิค เวิลด์ ทวงคืนอาณาจักร

หนัง จูราสสิค เวิลด์ ทวงคืนอาณาจักร หนังภาคไทย

หนัง จูราสสิค เวิลด์ ทวงคืนอาณาจักร หนังภาคไทย Jurassic World Dominion (2022) หรือ จูราสสิคเวิลด์ 3 ทวงคืนอาณาจักร เป็นหนังในจักรวาลจูราสสิคที่เริ่มตอนนี้ตั้งแต่ต้นมาจากจูราสสิคพาร์ค ภาคแรกเมื่อเกือบจะ 30 ปีก่อน กำกับโดยสตีเวน สปีลเบิร์ก และในช่วงเวลานี้ถูกส่งภายหลังให้ โคลิน เทรวอร์โรว์ กำกับอีกสักครั้งหลังจากที่เขาได้กำกับรูปยนตร์ประเด็นนี้ในจูราสสิคเวิลด์ ปี 2015

เราจะรีวิวภาพยนตร์เรื่องนี้ให้รับฟังในฐานะแฟนคลับคนหนึ่งที่ชอบใจหนังในเฟรนไชน์นี้จนกล่าวได้ว่าหลงใหล หนังจูราสสิค เวิลด์ ทวงคืนอาณาจักร ดังนั้นภาคนี้ก็เลยเป็นภาคที่คาดหมายและรอคอยอย่างมากที่จะได้แสดงตัวดร.อลัน แกรนต์ (รับบทโดย Sam Neill) กลับมาโลดแล่นในหนังเฟรนไชน์ประเด็นนี้อีกสักทีหนึ่ง

การตัดสินครั้งสำคัญว่า คนไหนจะเป็นผู้ล่าสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร ในภาคนี้ ไดโนเสาร์ ได้ออกมานอกเกาะ อิสล่า นูร์บ่าใช้ชีวิตอยู่ทั่วทุกมุมโลก ด้วยพัฒนาการทางวิทยาศาสตร์ ของมนุษย์ ได้กลายเป็น แนวทางการทำลายล้าง แทนหรือเปล่า? ด้วยการใช้ประโยชน์จาก ไดโนเสาร์ จนกำเนิดสัตว์ลูกผสม ที่พร้อมทำลาย สมดุลของระบบนิเวศน์ โดยมีโลกเป็นพนันธุ์ ภารกิจ save โลก มนุษย์ ท่ามกลางการไล่ล่าของเหล่าไดโนเสาร์ จึงเริ่มต้นขึ้น

งานนี้ได้ผู้กำกับ ที่ทำ Jurassic world ภาคแรก กลับมากำกับ และได้ปู่ สตีเว่น สปีลเบิร์ก กลับมาเป็น ผู้บริหารงานสร้าง ส่องอยู่ไกลๆ ถือได้ว่าทำได้ดิบได้ดี ไม่ความหวังพังทลายจากภาคที่แล้ว อีกอุปสรรคใหญ่ยิ่งกว่าน้อนไดโนเสาร์กิแกนโนโตซอรัส (Giganotosaurus) ก็คือ ช่วงเดือนเดือนมีนาคม 2020 กองถ่ายต้องหยุดถ่ายทำอีกทั้งที่เพิ่งเปิดกล้องไปได้แค่ 13 วัน เพราะเหตุว่าการระบาดของโควิด-19 ทีมงานเลยจะต้องปฏิบัติงานโพสต์ขอความปรานีักชัน และงานด้านวิชวลเอฟเฟกต์กับฟุตเทจที่ถ่ายมาได้ไปพลาง ๆ และจำเป็นยอมเลื่อนกำหนดฉายจากเดิมที่วางแผนฉายในปี 2021 ออกไปอีก 1 ปีเต็ม

หนัง จูราสสิค เวิลด์ ทวงคืนอาณาจักร

เต็มไปด้วยไดโนเสาร์ แต่สถานะการณ์เบาบาง

เป็นความบากบั่นที่จะนำกลุ่มนักทำให้ทราบในไตรภาคก่อนกลับมาและเจอกันกับหมู่นักแสดงในไตรภาคใหม่ ก็เลยมีการจัดวางให้ผู้แสดงสองหมู่ต่างมีเหตุผลของตัวเองเองในอันที่จะเดินทางไปยังพื้นที่ของไบโอซิน หนังเริ่มตอนนี้ตั้งแต่ต้นด้วยการปูพื้นให้ผู้ดูมองเห็นก่อนว่า นักแสดงสองกลุ่มประสบพบเห็นสถานการณ์อะไร จากนั้นก็เลยเข้าสู่ระยะเวลาของการผจญภัย และท้ายที่สุดหมวดหมู่เขาก็มาเจอกันที่ปลายทาง

แม้กระนั้น ความน่าเชื่อเรื่องในบทของภาคนี้ถือว่าออกจะต่ำ จูราสสิคเวิลด์ 3 hd นำมาซึ่งการทำให้ความเบิกบานของหนังมีเพียงการเฝ้ามองดูการเอาตัวรอดของมนุษย์จากเหล่าสัตว์ยุคโบราณที่มีทั้งร่างกายที่ใหญ่โตและแข็งแรงกว่า ซึ่งหลายฉากก็ทำแล้วได้ลุ้นระทึกมากทีเดียวแหละ บางฉากชวนลุ้นไม่ต่างจากหนังบอนด์ เวลาที่บางฉากก็ชวนคิดว่าดูหนังอินเดียน่าโจนส์อยู่

ไหนจะเรื่องที่การบรรจุแอ็คชั่นเข้ามาแบบหนังแนวจราชน ดูและก็อดพิจารณาถึงเรื่อง Jason Bourne มิได้ทั้งฉากขี่มอเตอร์ไซค์และกระโดดหนีไดโนเสาร์ข้ามระเบียง ซึ่งสุดท้ายพวกเราๆคงรู้เรื่องประเด็นใหญ่ที่ไตรภาค Jurassic World นี้จะสื่อนั่นก็คือแง่มุมการอยู่ด้วยกันไม่ว่าจะเพศไหน เผ่าพันธุ์ไหน พวกเราจำเป็นที่จะต้องอยู่ร่วมกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย แต่ทว่าแรงเคลื่อนเคลื่อนที่กลับชมไม่มีพลังที่จะส่งมถ้าาพย์สุดยิ่งใหญ่นี้ให้จบลงบอย่างสวยงามเพียงเนื่องจากว่าปูเรื่องมาเล่นใหญ่เกินไปคล้ายกับ เอาไดโนเสาร์ T-Rex มาติดปีกนกพิราบ แน่ๆว่าลงไม่นิ่มแน่นอน

สิ่งที่เขาทำคือความอุตสาหะบรรจุสิ่งที่เขารู้สึกว่าผู้คนต้องการได้เผชิญในหนังแนวนี้ นั่นคือ การใส่สวนรื้นเริงยุคจูราสสิคเข้ามาให้มากที่สุด มีไดโนเสาร์หลากหลายพันธุ์ปรากฏตัวอย่างต่อเนื่อง ฉากไดโนเสาร์ต่อสู้กัน ฉากที่คนจำเป็นจะต้องดิ้นรนเอาตัวรอดจากหมู่มัน บ่อยมากจึงดูเหมือนกับว่ามันโผล่มาอย่างไม่ค่อยมีเหตุมีผลรองรับที่แข็งแกร่งพอ

อีกหนึ่งสิ่งที่เขานำมาซึ่งการทำให้เรา คือ การหยิบเอาวิชาการสึกรู้จักดีจากภาคเก่าเข้ามาใส่ ฉากจำจากภาคก่อน นักแสดงจากภาคเก่า ธีมดนตรีเจือที่รู้จักดี พร้อมบรรจุฉากและสถานะการณ์ที่ชวนรับรู้ถึงหนังเรื่องอื่นๆ เพื่อที่จะเสริมสร้างให้หนังมีความมากมายหลากหลายสูงสุดทั้งด้านอารมณ์ ผู้แสดงและที่สำคัญ คือสายพันธุ์ไดโนเสาร์

ภายหลังด้านการดำเนินเรื่อง ส่วนนี้ก็อยู่ด้านในชั้นเชิงกลางๆ ไม่ถึงกับดี แต่ก็มิได้แย่ซะทีเดียว มุ่งเน้นเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ และบทที่ไปโฟกัสตั๊กแตนก็ไม่ค่อยน่าติดตามเท่าใด มีหลายเวลาที่น่าเบื่อ และแอบหลับไปเหมือนกัน คงจะจะด้วยที่บทมันไม่ค่อยน่าติดตาม และการบิ้วที่ไม่ทำให้เรารู้สึกลุ้นด้วยแหละมั้ง มันเลยสัมผัสเปื่อยๆ เรื่อย ยังไงไม่รู้ ส่วนนี้ผมไม่ค่อยจับจิตจับใจเยอะแค่ไหน แต่ก็พอรับได้ ถัดจากนั้นด้านการทำให้ทราบ ส่วนนี้ถือได้ว่าดีที่สุดแล้ว

นักส่อให้เห็นทุกท่านส่อให้เห็นได้ดีตามเหมือนภาคที่ผ่านๆมา และยังสมทบด้วยนักบ่งบอกชุดเก่าอีก 3 คน ทั้ง 3 คนนี้ก็กลับมาเฉิดฉายจริงๆ และเนื่องด้วยการเปลี่ยนมาของ 3 คนนี้ ก็มีผลให้บทมันมากจนเกินไปด้วย เนื่องด้วยผู้กำกับตกลงใจที่จะให้ทั้ง 3 คนนี้ กลับมาในฐานะตัวหลักๆ ไม่ใช่แค่บทสมทบ คือมีเส้นเรื่องเป็นของตนเองเลย สะดุดตาเท่ากับ พระเอกและนางเอกเลย น่าเสียดายจริงๆ ไม่น่าตกลงใจแบบนี้เลย ยังดีที่มีแฟนเซอร์วิสมาให้พอขาดหายเซ็งบ้าง

หนังกล่าวเล่าถึงสมดุลอันเปราะครั้งคราว่กำลังถูกสั่นคลอนอย่างแรง จูราสสิคพาร์ค 1 เมื่อมนุษย์ สิ่งมีชีวิตที่ครองโลกในขณะนี้ หาญกล้านำสัตว์ร้ายที่เคยครองโลกในยุคโบราณกลับมา หมวดหมู่มันทั้งแข็งแรงกว่าและดุร้ายกว่า ถ้าจะต้องอาศัยอยู่เข้าร่วมในระยะเวลาเดียวกับมนุษย์ มันคือการแข่งขันเพื่อจะเป็นฝ่ายเหลือรอด แต่หนังบอกว่า มนุษย์ผู้มีมันส่วนที่ใช้ในการประมวลผลที่เป็นต่อกว่าไดโนเสาร์นี่แหละที่คอยหาทางควบคุมและนำไปใช้จากหมวดมัน

ขั้นตอนแรกคือ อบอุ่นเหมือนกลับมาอยู่ท่ามกลางงานเลี้ยงคืนสู่เหย้า ในอาณาจักรไดโนเสาร์ที่เรารู้จักดีอีกรอบ โอกาสที่ ดร.อลัน กับ ดร.แอลลี่ มาเหน้าจอกันชั้นเชิงก็พร้ิม แม้ช่วงภาค 1 2 3 จะเด็กมากๆ แต่มาย้อนดูตลอดก็เจอว่า เคมีคู่นี้ น่ารักมากๆ พร้อมกับเพลง ฉาก ความถวิลหาหนังแฟรนไชส์ ตั้งแต่สมัย 90’s มันเป็นอะไรที่ทำให้แฟนๆของจูราสสิค ขาดหายคิดถึงแน่

มาถึงรุ่นก่อน “ลอร่า เดิร์น”, “แซม นีลล์” หรือ “เจฟฟ์ โกลด์บลุม” ก็กลับมาทำให้ผู้ดูหวนคิดถึงวันวานก้าวหน้า เคมีที่เหมาะดีของพวกเขาเป็นส่วนมาช่วยเติมเต็มให้กับหนังเรื่องนี้ เพียงแต่ว่ามันเสมือนเป็นการเอาใจใส่บรรจุเข้ามาแบบไม่ธรรมชาติไปสักนิด แม้ว่าจะเป็นค้างแรกเตอร์ที่แฟนคลับนึกถึง แม้กระนั้นการเปลี่ยนมาของหมู่เขาในคราวนี้กลับไม่ได้สร้างโมเมนต์อะไรให้ได้น่าจำได้เลยอย่างโชคร้าย

สำหรับเรื่องย่อ ๆ ในภาคนี้ ก็จะเริ่มดำเนินเรื่อง 4 ปีที่ผ่านมาจาก ภาค 2 Isla Nublar ที่ตั้งเริ่มแรกของสวนสนุกสนานจูราสสิก เวิลด์ ถูกสร้างลายเพราะเหตุว่าถูกเทือกเขาไฟถล่มในภาคเก่า ไดโนเสาร์ทั้งหลายๆถูกปล่อยออกสู่ธรรมชาติ เหมือนได้ชัชาติเป็นผู้ว่า Chris Pratt ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านความประพฤติปฏิบัติและโฮโมโซนไดโนเสาร์

และ Bryce Dallas Howard สมัยก่อนนักวิจัยไดโนเสาร์ และน้อง ไดโนมีปีก Isabella Sermon ปลีกวิเวกอาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านกลางป่าลึก ก่อนที่บางสิ่งบางอย่างจากโลกด้านนอกจะมีผลให้ทุกอย่างพังลง…อีกสักรอบเมื่อการมารวมตัวของเหล่าไดโนเสาร์จากทั่วโลก ที่เริ่มต้นก่อสงครามกับมนุษย์

หนังใหม่เข้าโรง 2022 “Jurassic World Dominion” หนัง จูราสสิค เวิลด์ ทวงคืนอาณาจักร ภาคปัจจุบันนี้ ที่ใช้ชื่อเรื่องศัพท์แสงไทยว่า “จูราสสิค เวิลด์ ทวงคืนอาณาจักร” นำสถานะการณ์ดินแดนไดโนเสาร์กลับมาโลดแล่นบนหน้าจอรูปยนตร์อย่างมีชีวิตชีวาอีกสักที นับว่าเป็นการหยุดการรอคอย เพื่อบทสรุปของแฟรนไชส์จูราสสิค เวิลด์ หนังไดโนเสาร์ที่มีแฟนๆ รอคอยดูจำนวนเยอะที่สุดแห่งปี

แต่ว่าผู้ส่อให้เห็นใหม่ที่น่าดึงดูดของภาคนี้ เปลี่ยนเป็น 2 ผู้บ่งบอกผิวสี อย่าง “ดีแวนด้า ไวส์” รวมทั้ง “มามูมอง อาธี” ที่กลายเป็นความสดใหม่แค่เพียงอย่างเดียวที่แทรกสอดเข้ามาเอาไว้ในหนังเรื่องนี้ และก็ติดอยู่แรกเตอร์ของพวกเขาก็น่าดึงดูดไม่นิดหน่อย ทั้งยังยังน่าสืบค้นหาพอได้ ถ้าเกิดจะสังเกตเห็นสร้างภาคใหม่หรือภาคแยกตามออกมาอีก เห็นได้ชัดทียิ่งกว่านั้น 2 ติดอยู่แรกเตอร์นี้ของหมวดหมู่เขาน่าดึงดูดที่จะรับไตร่ตรองไปพัฒนาต่อไปได้อยู่

ส่วนตัวนักประพันธ์ชอบ ถ่ายทำมาก เพราะได้การ นำ การทำให้รู้แบบอดีตและสมัยใหม่ ผสมกันออกมาได้ดิบได้ดีเลยตัวหนังในภาคนี้ถือว่าขยายสเกลแบบเล่นใหญ่เวอร์วังทุกภาคส่วนจริง ๆ ครับ ตั้งแต่ความยาวเกือบ 2 ชั่วโมงครึ่งนักทำให้รู้จากทั้งภาคเก่าภาคใหม่

ทางผู้ออกแบบไดโนเสาร์ได้มีข้อคิดเห็นว่าด้วยความที่มีพันธุ์ไดโนเสาร์ที่หลากหลายเยอะที่สุด และอัปเดตเวอร์ชันเดี๋ยวนี้จากนักบรรพชีวินวิทยาแล้วเรียบร้อย รวมถึงการประสมประสานระหว่าง CGI กับหุ่นกลไกไดโนเสาร์เสมือนจริง หรือ Animatronics ที่เอามาใช้เยอะที่สุดในไตรภาคแล้ว รวมทั้งการถ่ายทำในหลายๆ ๆ โลเคชัน หลากภูมิประเทศจากทุกมุมโลก เสียดายที่ไร้ ป่าชายเลนไทย

หนัง จูราสสิค เวิลด์ ทวงคืนอาณาจักร

ภาพยนตร์ฮอลลีวูดไม่กี่เรื่องที่ได้ฉายในจีน

ในแต่ละปี มีภาพยนตร์ใหม่ของฮอลลีวูดที่ได้เข้าฉายในจีนเพียงไม่กี่เรื่องเท่านั้น ซึ่ง Jurassic World: Dominion เป็นเลิศในรูปยนตร์ที่มีชี้เฉพาะฉายในจีนเรียบร้อยแล้ว โดย The Hollywood Reporter เดาว่า จะทำรายได้เปิดตัวในจีนได้ 52 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่ทำรายได้สูงสุดในปีนี้ แซงหน้า The Batman ที่ทำค่าตอบแทนไปเพียง 12 ล้านดอลลาร์ เมื่อเดือน มี.ค. ก่อนหน้าที่ผ่านมา

ส่วนตัวเพื่อคนเขียนแล้วจูราสสิคพาร์คเป็นหนังขึ้นหิ้งเรื่องหนึ่งในจิตใจที่มีดร.แกรนต์เป็นเหมือนฮีโร่ในวัยเด็กเล็กและเฝ้ารอมาตลอดที่จะให้เขากลับมาโลดแล่นในหน้าที่นี้อีกรอบ หลังจากได้เห็น เอียน มัลคอล์ม (รับบทโดย Jeff Goldblum) กลับมาในภาคที่แล้ว Jurassic World 2: Fallen Kingdom (อาณาจักรล่มสลาย) ในปี 2018 พอมีเนื้อหาข้อมูลข่าวสารว่าจะมีภาค3 ก็แอบคาดหวังมาตลอด ซึ่งจริง ๆ คาดหมายมาตั้งแต่จูราสสิคเวิลด์ภาคแรกตอนท้ายความคาดหมายก็เป็นจริง แถมยังเป็นการนำนักบ่งชี้หลักจากจูราสสิค พาร์ค ภาคแรกทั้ง 3 คนกลับมาพร้อมกัน

แม้กระนั้น ครั้นว่า Jurassic World: Dominion ถูกคาดหมายว่า จะทำรายได้ได้เยอะที่สุดในจีน หนัง จูราสสิค เวิลด์ ทวงคืนอาณาจักร แต่ก็ต่ำลงยิ่งกว่า Jurassic World: Fallen Kingdom ภาคก่อนที่ทำไว้ 111 ล้านดอลลาร์ เพราะเหตุว่าสถานการณ์การแพร่โควิด-19 ในจีนนั้นยังไม่สู้ดีนัก ถึงแม้ว่าหลายๆเมืองใหญ่ รวมถึงนครเซี่ยงไฮ้จะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่โรงรูปยนตร์ประมาณ 23% ทั่วประเทศยังคงปิดกระทำ เพราะเหตุว่ามาตรการป้องกันด้านสาธารณสุขและยังมีคำบัญชาห้ามไม่ให้ประชาชนทำกิจกรรมหลายๆ

จูราสสิค เวิลด์ ภาคนี้เหมือนเป็นการนำความทรงจำในวัยเด็กเล็กของพวกเราจากจูราสสิค พาร์ค กลับมาประติดประต่อขึ้นเกิดเรื่องเหมือนกับใหม่ในอีกเส้นเรื่องหนึ่งของหมู่ดร.แกรนต์ที่ตีคู่กันมาพร้อมกับเส้นเรื่องเดิมของจูราสสิค เวิลด์ 2 ภาคแรกที่มีโอเว่น แคลร์ และ ไมซี ล็อควู๊ด เป็นแกนหลัก และมีดร.เฮ็นรี่ วู ผู้ที่สร้างไดโนเสาร์ต่าง ๆ ขึ้น กลับมาในภาคนี้อีกสักทีในบทของนักวิทยาศาสตร์ที่สร้างหายนะครั้งใหม่ให้กับโลกผ่านบริษัทไบโอซิน

สถานการณ์เริ่มต้นคลี่คลายในเดือนกรกฏาคม 2020 ทางยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์ (Universal Studios) จึงยอมควักเงินอีก 5 ล้านเหรียญเพื่อเซ็ตมาตรการความปลอดภัย ถือว่าเป็นกองถ่ายแรก ๆ ที่กลับมาเริ่มต้นถ่ายทำอีกทีข้างหลังการระบาดครั้งใหญ่ เริ่มต้นตั้งแต่การสเก็ตช์ฟอร์มคู่มือมาตรการปริมาณนับร้อยหน้า แจกให้กับนักทำให้ทราบและคณะทำงานทุกคน มีจุดสำรวจคัดกรอง มีห้องฉุกเฉินในกองถ่ายกรณีเผชิญผู้ติดเชื้อ นักชี้ให้เห็นและทีมงานจะต้องกักตัวในโรงแรมที่ยูนิเวอร์แซลเช่าไว้ทั้งอาคารเพื่อที่จะใช้เป็นบับเบิลที่กำกับการอย่างเข้มงวด

ถึงคิวอีกหนึ่งหนังที่กับตอนบรรยากาศแล้วก็เทศกาลในเดือนวันปลดปล่อยผีตามจารีตของทุกๆปี โดยในปีนี้มากับหนังแนวขำขันแฟนตาซีที่สนุกสนานหลอนได้อีกทั้งครอบครัวแบบไม่มีพิษไม่มีภัย รวมทั้งนี่ก็คือ “The Curse of Bridge Hollow คำแช่งที่บริดจ์ฮอลโลว์” เพียงแค่ใบปิดรวมทั้งหน้าหนังก็สัมผัสได้ถึงปั่นป่วนวายป่วนปั่น สไตล์หนังตอนเทศกาลของฝรั่ง แม้กระนั้นไม่เคยรู้ว่าจะกลุ่มหรือนายสิบกันแน่เนี่ยประเด็นนี้

‘Mr. Harrigan’s Phone’ เป็นหนึ่งในเรื่องสั้นจากหนังสือรวมเรื่องสั้นชื่อ ‘if it Bleeds’ ของ สตีเฟน คิง (Stephen King) ที่พิมพ์ในปี 2020 ที่มีจุดแข็งในด้านของการวิเคราะห์วิจารณ์เทคโนโลยีแล้วก็ค่าของวรรณกรรม ฉาบด้วยพล็อตไฮคอนเซ็ปต์อย่าง จะกำเนิดอะไรขึ้นเมื่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ของคนเสียชีวิตสามารถตัดสินชีวิตของคนเลวได้แค่เพียงโทรไปฝากคำร้องขอมรณะไว้เพียงเท่านั้น

นับว่ามาแบบไม่ให้กระแสเสียงอะไรก็ตามสักเท่าไหร่ กับอีกหนึ่งแฟรนไชส์หนังแอนิเมชั่นที่เคยบรรลุผลสำเร็จอย่างล้นหลาม เมื่อทศวรรษก่อนที่จะผ่านมา ของสตูดิโอ ดรีมเวิร์กส์ แอนิเมชั่น ที่ปัจจุบันได้ลั่นกองชัยประกาศยามวันฉายให้กับการถักต่อการกลับมาของเหล่ากลุ่มแพนด้าใน “Kung Fu Panda 4” ที่จะคัมแบ็กมาอย่างงดงามอีกรอบ

เว้นเสียแต่บทนักมวยสู้ชีวิตอย่างร็อคกี้แล้ว อีกหน้าที่หนึ่งที่สำคัญและก็น่าจำไม่แพ้กันของสิลเวสเตอร์ สตอลโลน ก็คือแรมโบ้ ทหารผ่านฝึกหัดฝีมือยอดเยี่ยมแต่ว่าจิตใจระบม ภายหลังที่สร้างตำนานไว้เกือบจะสี่สิบปีแล้ว (ภาคแรกออกฉาย1982) ปัจจุบันนี้ก็ถึงเวลาปิดตำนานของทหารเดนตายผู้นี้พลาดท่าโอกาสนี้แรมโบ้ที่ดูเหมือนจะได้ใช้ชิวีโคนปิ้งสงบกับเด็กหญิงมึงเบรียลในฟาร์มม้าจำต้องออกมาบู๊อีกทีเมื่อเด็กผู้หญิงที่เป็นเสมือนบุตรสาวของเขาถูกแก๊งค์ค้ามนุษย์จากประเทศเม็กซิโกจับกุมไปภายหลังที่คุณผ่านชายแดนไปตามหาบิดา และก็คราวนี้จะเป็นการต่อสู้หนสุดท้ายของเขา

The Curse of Bridge Hollow คำสาปแช่งที่บริดจ์ฮอลโลว์ เกิดเรื่องราวของเด็กหญิงวัยรุ่นที่บังเอิญปล่อยภูตผีดึกดำบรรพ์ออกมาสู่โลกเดี๋ยวนี้ที่กำลังไปสู่ตอนเทศกาลวันฮาโลวีน รวมทั้งโน่นเป็นจุดเริ่มที่หายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเมืองเล็กๆที่นี้ ที่ทำให้คุณต้องหาแนวร่วมมาช่วยเหลือ รวมทั้งเขาก็คือคนท้ายที่สุดที่คุณจะคิดถึง ซึ่งหมายถึง บิดาของคุณ

หนัง จูราสสิค เวิลด์ ทวงคืนอาณาจักร

รีวิว Bullet Train

ขบวนรถไฟความเร็วสูงที่เต็มไปด้วยมือสังหาร พวกเขาขึ้นมาเพราะเหตุใด แล้วตกลงแล้วคนไหนกันจะเหลือรอดเป็นคนท้ายที่สุด หนังแอ็คชั่นฟั่นเฟือนๆผลงานของเดวิด ลิทช์ ผู้กำกับ Deadpool 2 กับ Bullet Train หนังแอ็คชั่นสุดเดือด ผลงานการดูแลของ เดวิด ลิทช์ ผู้กำกับ Deadpool 2 บอกเล่าเรื่องราวของเหล่ามือสังหารที่บังเอิญมาขึ้นรถไฟขบวนเดียวกัน จนกระทั่งมีการต่อสู้แบบวายป่วงตลอดทาง โดยหนังสร้างมาจากหนังสือของ วัวทาโร อิซากะหนึ่งในผู้เขียนเรื่องลึกลับที่มีชื่อเสียงและก็เป็นที่นิยมสูงสุดของประเทศญี่ปุ่น

เลดี้บั๊กมือสังหารดวงดวงไม่ดี (กางรด พิตต์) ชายผู้ตั้งดวงใจจะดำเนินงานของตนเองให้สำเร็จลุล่วง อย่างสุขสบาย โดยภายหลังจากงานของตนกำเนิดพังทลายหมดท่ามาหลายทีหลายหน แต่ว่าดูอย่างกับว่าชะตากรรมชอบเล่นตลกอยู่กับเขาเรื่อยภารกิจปัจจุบันเลดี้บั๊กก็เลยจะต้องเจอหน้ากับเหล่าศัตรูจากทั่วทุกมุมโลก พวกเขามีเป้าหมายที่เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกันอย่างน่าแปลก โดยพวกเขาจะต้องมาอยู่ในขบวนรถไฟที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก ซึ่งจะแวะหยุดหยุดแต่ละสถานีเพียงแต่เวลา 1 นาทีแค่นั้น ตกลงแล้วคนไหนจะเหลือรอดเป็นคนในที่สุด แล้วภารกิจของมือสังหารแต่ละคนเป็นยังไงกันแน่

ความสนุกสนานร่าเริงของหนังหัวข้อนี้เป็นการรวมเอาบรรดา “มือสังหาร” ที่ (เสมือนจะ) บังเอิญมาอยู่บนรถไฟขบวนเดียวกัน โดยกลางทางนั้นพวกเราจะได้มีความคิดเห็นว่า เป้าหมายของมือสังหารแต่ละคนนั้นล้วนแต่มีเป้าหมายเป็นของตนเอง ซึ่งความเบิกบานใจของ Bullet Train เป็นอารมณ์ขันแบบทีเล่นทีจริงของนักแสดง แถมหลายๆครั้งออกแนวๆสติไม่ดีกระทั่งทำให้พวกเรารู้สึกได้เลยด้วยไปว่าตัวหนังเองบากบั่นแซะวัฒนธรรมติดอยู่แรกเตอร์นักแสดงมังงะของประเทศญี่ปุ่นที่ชอบมีความเกินเบอร์อยู่ในตนเองบ่อยๆกลางทางฉากแอ็คชั่นที่ถูกใส่เข้ามาก็กล่าวได้ว่า ถูกจังหวะ สนุกสนานตื่นเต้น มองเพลิดเพลิน

กล่าวว่า เมื่อช่วงปลายอาทิตย์ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ดรีมเวิร์กส์ แอนิเมชั่น ได้ประกาศวันฉายให้กับ Kung Fu Panda 4 ที่ถือว่าเป็นโปรเจกต์เซอร์ไพรส์อยู่ไม่น้อย แม้ว่าจะเคยมีเรื่องราวรู้มาบ้างว่าแฟรนไชส์หนังประเด็นนี้อยู่ระหว่างหาทางนำเรื่องราวกลับมาสืบต่ออีกที แม้กระนั้นไม่คิดว่าจะมาได้รวดเร็วทันใจโดยทันทีเพียงนี้ เพราะว่าหนังได้ลงคิวฉายเอาไว้ภายในวันที่ 8 เดือนมีนาคม 2024 หรืออีกราวปีเศษๆหลังจากนี้เป็นต้นไป

แรมโบ้ภาคนี้เน้นย้ำดราม่าเยอะแยะกว่าที่คิด มิได้ย้ำแอ็คชั่นมากมายเท่าภาคก่อนๆเวลาโดยมากของหนังถูกใช้ไปกับการปูเรื่องราวของแรมโบ้แล้วก็เอ็งเบรียลซะมากยิ่งกว่า ราวกับมันจะพูดว่านี่เป็นตอนตอนปลายชีวิตของแรมโบ้แล้วนะ มาดูแรมโบ้สุขสบายแบบคนธรรมดาทั่วไปบ้าง แล้วกว่าแรมโบ้จะออกลายบู๊ก็ขว้างไปด้านหลังๆเรื่องโน่น แม้กระนั้นมันกลับมิได้ทำให้หนังพองอะไร ตรงข้ามมันทำให้พวกเราอินไปกับความเกี่ยวพันของแรมโบ้กับมึงเบรียลได้เสร็จ พวกเรามองเห็นเลยว่าแรมโบ้รักแล้วก็เป็นห่วงเด็กผู้หญิงคนนี้แค่ไหน เนื่องจากว่าคุณเป็นเสมือนครอบครัวที่เขาไม่เคยมีมาก่อน

เป็นแสงไฟที่ทำให้ทหารเฒ่าคนนี้มีหวังกับชีวิตอีกรอบ ซึ่งมันทำให้แรมโบ้ในภาคนี้มองติดดินแล้วก็เป็นมนุษย์มากมายๆ(สตอลโลนเล่นพาร์ทดราม่าก้าวหน้าไม่แพ้พาร์ทแอคชั่นเลยในหัวข้อนี้ ตัวของYvette Monrealเองก็เหมือนกัน) พอเพียงมึงเบรียลถูกลักพาตัวไป มันก็พาพวกเราลุ้นให้แรมโบ้ช่วยคุณกลับมาให้ได้ตามไปด้วย นับว่าเกินคาดเช่นกันที่หนังทำดราม่าออกมาได้ดิบได้ดีขนาดนี้

แล้วก็มันยังเป็นเหตุให้ในฉากแอคชั่นด้านหลังเรื่องออกมาหนำใจมากมายๆกับการที่พวกเราได้มองเห็นแรมโบ้ก่อกวน ไล่ฆ่าพวกเดนคนทีละคนๆด้วยอุบายสไตล์แรมโบ้ ภายหลังที่พวกเราจะต้องมามองเห็นพวกคนร้ายกดขี่ข่มเหงบุคคลอื่น รังแกเอ็งเบรียลมากมายว่าครึ่งเรื่อง การเห็นเหล่านี้โดนแรมโบ้จัดแจงเอาคืนแบบถึงเลือดถึงเนื้อเลยเป็นภาพที่สาแก่ใจอย่างบอกผิด แล้วก็บางทีอาจเป็นฉากแอคชั่นที่สาแก่ใจที่สุดของปีนี้เลยด้วย

นี่เป็นผลงานของผู้กำกับ “เจฟฟ์ แวดโลว์” ที่พวกเราชอบเคยชินงานชิ้นก่อนๆของเขาที่ค่อนข้างจะดิบพอได้ อย่าง Kick-Ass 2 หรือ Truth or Dare แต่ว่ามาตอนนี้จัดว่าเขาปรับโหมดตนเองระดับสูง เนื่องจากว่าเปลี่ยนเป้าหมายมาทำหนังสยองขวัญแฟนตาซีที่ค่อนข้างจะใสๆไม่มีอันตราย เป็นหนังฮาโลวีนที่เต็มไปด้วยสูตรสำเร็จตามมาตรฐานของหนังงแนวนี้ ที่พวกเราเคยได้มองมาก่อนตลอด 20-30 ปีที่ล่วงเลยไป

บทหนังของ The Curse of Bridge Hollow ก็มิได้มีท่วงทีอะไร เนื่องจากว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสูตรสำเร็จพื้นๆที่จับเอามาเล่าใหม่ เสมือนเป็นการจับจากประเด็นนั้นประเด็นนี้มายำรวมเข้าไว้ในเรื่องเดียวกัน โดยถือเอาภูติผีปีศาจในตำนานต่างๆที่เคยรู้จักดีมาปลุกเสกให้ผู้ชีวิตแบบคร่าวๆโดยใช้บรรทัดฐานของหนังครอบครัวเป็นหลัก ออกมาเป็นหนังที่มองได้ฆ่าเวลาเพลิดเพลินๆสาระไม่เยอะแค่ไหน ก็หลอนบันเทิงใจไปตามเนื้อเรื่องของมัน

โดยเรื่องราวของ ‘Mr. Harrigan’s Phone’ อยู่ที่ เคร็ก (รับบทบาทโดย เจเดน มาร์เทลล์ Jaeden Martell) ชายหนุ่มขี้เหงาที่รับจ๊อบอ่านหนังสือให้ คุณแฮริแกน (สวมบทโดย โดนัลด์ ซูคุณร์แลนด์ Donald Sutherland) นักธุรกิจแก่ที่ชอบส่งสลากกินแบ่งเป็นของขวัญให้เคร็กกระทั่งเขาถูกรางวัลถึง 3,000 เหรียญก็เลยซื้อ iPhone ให้เป็นการทดแทน

แม้กระนั้นต่อจากนั้นไม่นานคุณแฮริแกนก็เสียชีวิต เคร็กก็เลยแอบใส่ iPhone ไว้ภายในโลงและก็วันดีคืนดีภายหลังจากเคร็กฝากใจความเสียงในโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้เสียชีวิตถึงผู้ที่มารังมึงเขา วันพรุ่งนี้เด็กนรกคนนั้นก็เปลี่ยนเป็นศพจากการฆ่าตัวตาย เคร็กจะต้องสืบให้ได้ว่ามีอำนาจเหนือธรรมชาติจากโทรศัพท์คนเสียชีวิตซึ่งสามารถตัดสินคดีคนทรามได้แค่เพียงโทรไปฝากเนื้อความใช่หรือไม่

ขั้นตอนการเล่าของเรื่องถูกแบ่งย่อยเป็นช่วงๆแนะนำตัวละครให้ผู้ชมได้ทราบจะ พร้อมด้วยให้ผู้ชมเริ่มตั้งคำถามว่า มือสังหารแต่ละคนนั้นมีภารกิจอะไรกันแน่ แล้วตกลงแล้วความเกี่ยวข้องกันทางอ้อมที่ทำให้ทุกคนขึ้นมาอยู่บนโบกี้รถไฟขบวนนี้อันที่จริงแล้วเป็นยังไงกันแน่ ซึ่งนักแสดงกลุ่มนี้ก็มีเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลน่าจำ มิได้จมหายไปจากเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น แทนพบรีน (แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน) และก็ เลมอน (ไบรอัน ไทรี เฮนรี) มือสังหารแฝดผลไม้ วูลฟ์ (แบดบันนี่)

มือสังหารชาวชาวเม็กซิโกที่เขามีความแค้นฝังใจภายหลังที่ภรรยาของเขาถูกฆ่าตายกึ่งกลางงานแต่งงาน พรินซ์ (โจอี้ คิง) มือสังหารในร่างเด็กผู้หญิง คิมุระ (แอนดรูว์ วัวจิ) มือสังหารคนประเทศญี่ปุ่นที่ลูกชายของเขาอยู่นอนอยู่ในโรงหมอรักษาอาการรุนแรง โดยคิมุระเป็นลูกชายของ ‘ผู้เฒ่า’ (ฮิโรยูกิ ซานาดะ) มือสังหารในตำนานอีกครั้งอาจจะจะต้องพูดว่า Bullet Train เป็นหนังขายความเพลิดเพลิน ความสนุกสนานแบบเพ้อคลั่งเต็มดูด ที่สามารถพูดได้ว่าโยนตรรกะทุกสิ่งทิ้งแล้วเข้าไปเอนหน้าจอยกับความสติไม่ดีในเรื่องก้าวหน้าทีเดียวเชียว

รีวิวหนัง “Rosaline โรซาลิน”

บางบุคคลบางครั้งอาจจะยังไม่ทราบมาก่อนว่า ในตำนานรักที่เมืองเวโรท้องนา ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นปฐมบทรักที่ โรมิโอ กับ จูเลียต อันลือลั่นโน่น ยังมีอีกตำนานที่ไม่เคยโจษขาน รวมทั้งตำนานซึ่งก็คือ “Rosaline” ตำนานหญิงสาวคนรักเก่าของโรมิโอ ที่เริ่มปฏิบัติทวงแฟนคืนจากยัยเครือญาติและก็น้องสาวสุดแบ๊ว เพียงแค่ฟังเรื่องก็สัมผัสได้ถึงความสนุกสนานร่าเริง

โดยเรื่องย่อแล้วก็เทรลเลอร์ที่ถูกปลดปล่อยออกมา คนไม่ใช่น้อยแม่น้ำคงคาดหวังว่ามันควรจะเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์สุดระทึกตามสไตล์ถนัดของ สตีเฟน คิง แม้กระนั้นไม่เลยเพราะว่าหนังทั้งยังเรื่องที่ จอห์น ลี แฮนค็อก (John Lee Hancock) เป็นหนังที่ว่าด้วยการตามหาที่ยึดเหนี่ยวของเด็กมัธยมที่สูญเสียแม่ของเขาไปอย่างเคร็กแล้วก็ได้คุณแฮริแกนคนมั่งคั่งแก่ที่อาศัยให้เขาอ่านวรรณกรรมสุดคลาสสิกทั้งยัง ‘ ‘Lady Chatterlay’s Lover’ ‘Dombey and Son’ ‘Heart of Darkness’ ‘They Shoot Horses, Don’t They?’ ที่มาเกี่ยวข้องกับชีวิตของเคร็กแล้วก็คุณแฮริแกนครั้งละนิดๆโดยยิ่งไปกว่านั้นในวรรณกรรมเรื่องหลังสุดที่เกือบจะเป็นการบอกใบ้ถึงเคราะห์กรรมของมิสเตอร์แฮริแกนอยู่เปลี่ยนๆ

รวมทั้งอีกเรื่องหนึ่งที่หนังใช้เป็นกลไกสำหรับการเล่าอย่าง iPhone ก็จะตามมาภายหลังหนังพ้นตอนองก์แรกที่เคร็กเติบโตและก็ได้เรียนไฮสคูลต่างสถานที่เรียน และก็ iPhone ก็แปลงเป็นกระบวนการสื่อสารที่เขาใช้แทนคำบอกเล่าแต่ว่ายิ่งเขาไม่ค่อยพูดลงก็เริ่มรู้สึกได้ถึงสภาวะไม่มีอิทธิพลโดยยิ่งไปกว่านั้นการจำเป็นต้องมาพบบูลลี่จากเพื่อนร่วมห้องนั่นเอง และก็ยังย้ำสารนี้ด้วยคำบอกเล่าของคุณแฮริแกนอีกว่า สมาร์ตโฟนก็คือประตูสู่สารเสพติดอื่นๆและก็ยังเป็นท่อน้ำประปาที่ข่าวสารโดยยิ่งไปกว่านั้นเฟคนิวส์ที่จะไหลล้นถัดไปในอนาคต ซึ่งที่ตรงนี้นับว่าความดีเลิศของนิยาย สตีเฟน คิง ได้ช่วยหนังมาถึง 50% แล้ว

นับว่าเป็นผลสรุปที่ บางทีอาจมิได้ใหญ่มโหฬารวิจิตรตระการตานัก แม้กระนั้นก็เยี่ยมยอดเนื่องจากว่าความเต็มอิ่มในทุกๆด้านทั้งยังดราม่าและก็แอคชั่น การนำพวกเราไปดูชีวิตตอนอัสดงของแรมโบ้ มองเห็นการต่อสู้หนสุดท้ายของเขา มองเห็นความสงบสุขในชีวิตเขาถึงแม้เพียงแต่สักครู่ ก็เป็นการสิ้นสุดตำนานของนักสู้เดนตายผู้มีความกล้าหาญมากมายว่า40ปีได้อย่างสมศักดิ์ศรีมากมายทีเดียว

จังหวะของหนังก็เกือบจะไม่มีอะไรใหม่ ใส่มุกรวมทั้งโทนความเป็นภาพยนตร์ตลกชาวผิวสีเข้ามาแบบเบื้องต้น พล็อตเรื่องรวมทั้งเสน่ห์ต่างๆก็ยังมาด้วยอารมณ์เดิม ไม่ว่าจะเป็นการผูกเรื่องเชยๆกับแนวความคิดต่างของบิดาลูก หรือมนต์แปลกประหลาดผีฟื้น แน่ๆว่าเป็นอะไรที่พวกเราเคยมองอะไรอย่างนี้มาแล้วทั้งหมด อาจมีมุมที่ทำให้เกิดความรู้สึกหงุดหงิดรำคาญในตรรกะของนักแสดงบ้าง แม้กระนั้นก็มิได้ซีเรียสอะไร

ทางด้านการแสดงนั้นก็นับได้ว่าเป็นจุดการช่วยเร่งเร้าอารมณ์ได้ค่อนข้างจะดี หากว่าแอคติ้งของพวกเขาจะมิได้ดิบดีหรือแปลกใหม่อะไรเลย “มาร์ลอน เวย์นส์” ก็ยังคงเป็น มาร์ลอน เวย์นส์ เขายังคงใช้เสน่ห์ทางการแสดงแบบอย่างของเขาเองมาใส่ไว้ภายในประเด็นนี้ อีกทั้งมุกรวมทั้งจังหวะที่มีอีกทั้งไหลลื่นรวมทั้งขาดแคลน แม้กระนั้นถือว่าเขาเป็นตัวละครที่ช่วยเคลื่อนหนังไปได้ ถึงจะรสออกจะจืดชืดไปนิดก็ตาม

แม้กระนั้นเมื่อหนังจะต้องเข้าโหมดตื่นเต้นงานดูแลของแฮนค็อกกลับไม่ค่อยมีพลังสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่เคร็กได้เจอความเป็นจริงจากอำนาจของโทรศัพท์เคลื่อนที่ผู้ตายที่เป็นจุดขายของหนังในศพแรก หนังก็เลือกจะทิ้งเค้าเงื่อนที่อุตส่าห์ไปพบซะซุกซนๆและก็เล่าต่อโดยทิ้งเงื่อนเดิมให้ค้างคาซะงั้น แถมยังไปเล่าโทนดราม่าอบอุ่นเสมือนหนังครึ่งแรกจนกระทั่งไม่ถูกที่ผิดทางไปหมดอย่างโชคร้าย เบทฟิก1150 มิหนำซ้ำเมื่อหนังจะแปรไปเป็นโทนที่ให้เคร็กดาร์กขึ้นก็มองรีบ