The Burning Buddha Man สร้างโดยผู้ผลิตภาพยนตร์คนแรก ใช้แนวทางที่น่าทึ่งและก็รู้จักกันในชื่อ gekimation มันมิได้เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่น แม้กระนั้นเป็นโรงแสดงละครหุ่นกระบอกที่ใช้มือกรีดประหลาดที่จัดแถวอย่างระมัดระวังในระดับความลึกกับจำนวนที่โยกย้ายได้ในข้างหน้า กรรมวิธีการนี้ชี้ให้เห็นอย่างเหมาะควรในฉากแอ็คชั่นพิศดารสดของภาพยนตร์
ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างเกิดเรื่องจริงแล้วก็เกิดเรื่องจริง แม้กระนั้นไม่มีการเคลื่อนไหวอย่างละเอียดลออไม่มีการขยับปากหรือส่วนต่างๆของร่างกาย ถ้าเกิดการแสดงออกของผู้แสดงมีการเปลี่ยนควรมีการยิงใหม่ สอดรู้สอดเห็นของเหลวเป็นเพียงแต่ของเหลวเก่าปกติด้วยเหตุดังกล่าวน้ำมูกแล้วก็เลือดรวมทั้งสิ่งที่คล้ายคลึงกันเพียงแต่หยดสาดรวมทั้ง oozed บนประหลาดกลุ่มนี้ มันช่างเกินจริงนักเขียนเห็นด้วยว่า ตอนดูหนังหัวข้อนี้ก็แอบนึกถึงหนังอิตาลี ‘Cinema Paradiso’ (1988)
ที่ว่าด้วยเรื่องของแฟนหนังที่มานะส่งต่อสมัยก่อนเกี่ยวกับหนังคล้ายกัน แม้กระนั้นคนเขียนจะไม่เทียบเคียงกันเด็ดขาด เพราะว่า ‘มนต์รักนักบรรยาย’ ก็มีเสน่ห์ไม่น้อยตรงความวิกลจริตนๆเชยๆตรงไปตรงมาแม้กระนั้นสุจริตใจ ที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกอุ่นๆในตาได้ จนถึงนักเขียนแอบคิดแบบคลุ้งๆฝันๆว่า The Burning Buddha Man ด้วยความสามารถของหนังหัวข้อนี้ ที่ทำเป็นถึงทั้งยังในเชิงโปรดักชัน รวมทั้งงานแสดง ซึ่งสามารถอัปสเกลไปฉายในโรงภาพยนต์ได้สบายๆอยู่แล้ว ทดลองมีความคิดว่าถ้าหากได้ดูหนังหัวข้อนี้บนหน้าจอหนังขายยาสักหนึ่งครั้งในชีวิตนะ
The Burning Buddha Man (2013)
มีการลักขโมยพุทธปฏิมาหลายครั้งในเกียวโต เบนิโกะ เด็กหญิงมัธยมปลายถูกลักขโมยพุทธปฏิมากรที่วัดของครอบครัวและก็บิดามารดาของคุณถูกฆาตกรรมในเวลาเดียวกัน เบนิโกะได้ยินจากเอ็นจูเพื่อนเกลอบิดามารดาของคุณว่าเหล่าโจรที่ชื่อว่า SEADDATHA เป็นคนที่ฆ่าบิดามารดาของคุณ และรู้สึกอยากล้างแค้น เอ็นจูเสนอให้เบนิโกะไปอยู่ด้วยด้วยเหตุว่าคุณไม่มีที่ไป คุณเดินเข้าไปในห้องลับของเอ็นจูและจากนั้นก็พบกับสิ่งมีชีวิตน่ารังเกียจที่ดูเหมือนกับว่าบิดามารดาของคุณแล้วก็พระพุทธรูปหลอมรวมกัน.
การออกแบบวาดคาแรคเตอร์ บางทีก็อาจจะมิได้หวือหวามากเท่าไรนัก หรือมีลายเส้นที่ไม่เหมือนกันสะดุดตาเป็นเอกลักษณื แต่ว่าก็มีความกลมกล่อมงามตามแบบฉบับมาตรฐานของอนิเมะหลายๆเรื่องในยุคนี้ ฉากการต่อสู้ แอ็คชันการเคลื่อนไหวในตอนแรกบางทีอาจยังมีไม่มากสักเท่าไรนัก แม้กระนั้นอีกทั้งฉากเปิดที่เป็นเสมือนเรื่องราวในอนาคต แล้วก็ฉากการต่อสู้ของเฟทเป็นดุดันอยู่เล็กๆแบบเดียวกัน
ทั้งเอฟเฟกต์ก็ออกจะโอเค อีกทั้งเลือดมนุษย์ หรือก็อบลิน สีบางครั้งก็อาจจะมิได้เปรียบเสมือนจริง แม้กระนั้นยังอิงจากโทนที่ใกล้เคียง ผู้กระทำวัดแกว่งไกวกระบี่ของเขาก็พลิ้วไหวไม่น้อย ประกอบกับโทนแสงสว่างของเรื่อง เป็นอารมณ์ไปร่วมกัน เนื่องจากช่วงเวลากลางวัน แสงสว่างตอนยามเย็น แสงสว่างตกกระทบของฉาก แล้วก็เนื้อหาเก็บค่อนข้างจะดีพอควร
ถือว่า Berserk of Gluttony จอมจะกละจะกลามกระบี่คลุ้มคลั่ง เป็นอนิเมะ 2023 อีกเรื่องหนึ่งของฤดูนี้ ที่มีความน่าดึงดูดใจไม่น้อย ด้วยรายละเอียดที่เขานั้นไม่สามารถที่จะเพิ่มค่าประสบการณ์ได้ ด้วยสกิล มูมมาม ของเขา และก็การออกเดินทางทำความเข้าใจสกิล ประจันหน้ากับผู้ที่เคยดูถูกดูแคลนของเขาก็ทำให้พวกเราต้องการมองคำตอบฉากนั้นๆในอนาคต ถึงแม้ว่าการวางแบบคาแรคเตอร์ รวมทั้งการเคลื่อนไหวจะมิได้หวือหวาเด่นมากเท่าไรนัก แม้กระนั้นก็พอกลมกล่อมเข้ากันได้ ชักชวนให้พวกเราต้องการติดตามถัดไปในทุกๆตอน
รีวิว
อย่างแรกเลยที่ต้องพูดถึง เป็นรูปแบบของหนังเรื่องนี้ The Burning Buddha Man ที่มาในต้นแบบ gekimation เป็นรากศัพท์เขาเรียกกันแบบนี้ ไม่รู้จะอธิบายยังไง ดูในคลิปตัวอย่างหนังแทนละกัน แล้วแบบหนังอย่างนี้ล่ะ เป็นความแปลกของเรื่องนี้ มันเป็นอนิเมชั่นแบบภาพวาดตัดขอบเป็นแผ่นๆที่เพิ่มมิติตื้นลึกด้วยการซ้อนหน้าด้านหลังกันไปผสานด้วยวิธีการแบบภาพยนตร์จุดโฟกัสเบลอหน้าเบลอด้านหลังสร้างความเกี่ยวพันในภาพซึ่งมีแต่กระดาษจำนวนหลายชิ้นซ้อนกัน บ้างก็ใช้ CG ช่วยบ้างนิดหนึ่ง แต่ไม่น้อยเลยทีเดียวจะใช้เอฟเฟคทำมือเล่นกับงานกระดาษในหนังมากกว่า
ส่วนเนื้อหา ก็จะว่าตรงๆตามชื่อหนังเป็นพระพุทธรูปเป็นศูนย์กลาง แล้วแบ่งได้สองพวก พวกที่ลักขโมยพระพุทธรูปที่นำโดย Enju กับพวกที่อุตสาหะคุ้มครองพุทธปฏิมา พวกด้านหลังนี้ เรียกตัวเองว่า กองกำลัง Seaddattha (เกือบจะสิทธัตถะมั้ยล่ะ) แล้วคนนอกที่บังเอิญเข้ามาเกี่ยวก็คือนางเอก ที่บิดามารดาหายไปเหลือแค่ครึ่งข้างล่างพร้อมพุทธปฏิมากรที่พวกเขาดูแล นางเอกโดนดึงมาเกี่ยวสำหรับเพื่อการขัดแย้งกันของสองฝ่ายอย่างหลบหลีกไม่ได้ ฝั่งกองกำลัง Seaddattha เป็นกลุ่มเล็กกว่าที่อุตสาหะขวางกลุ่ม Enju ที่มีคิดแผนยิ่งใหญ่ไว้อยู่
อีกหนึ่งพลอตที่คราวหน้าขยายไปอย่างเหวอๆแล้วก็ครื้นเครงเป็น การประสมประสานร่างกับพุทธปฏิมา เพื่อพลังอำนาจอำนาจศักดิ์สิทธิ์เหนือมนุษย์ ตรงส่วนนี้ แม้ผู้ใดกันแน่แรงเรื่องพุทธปฏิมาหรือรูปปั้นองค์เทพยดาที่มีไว้เทิดทูนบูชาบูชา ก็บางทีก็อาจจะอินตามกันไป (ที่ฉันคิดอย่างนี้ เหตุเพราะหนึ่งในรูปปั้่นที่ยายนางเอกถือเลือกไปผสานร่างนั้นคือพระแม่กาลี ชัดเจน ส่วนของนางเอกก็มองดูคุ้นๆ)
หลายสิ่งหลายอย่างในหนังมันก็มีการอิงพุทธอยู่บ้างล่ะ ไม่มากก็น้อย แต่ว่าอะไรบางอย่างนี่เป็นพุทธฝั่งไหนนี่ไม่รู้เรื่องแจ่มแจ้ง อาทิเช่นเรื่องโลกหลังความตายกับการรอเกิดใหม่ชาติหน้า การบำเพ็ญศีลที่โลกจริงเป็นหลับไม่ได้สติ ส่วนจิตอยู่ในโลกวิญญาณ เวลาทั้งสองโลกที่เดินไม่เหมือนกัน แต่ฮาแล้วก็ขำหนักมากมายก่ายกองๆเลยก็ ตอนนางเอกจะต้องเอาตัวเข้าเปลี่ยนเพื่อคุ้มครองป้องกันโลกรวมถึงช่วยครอบครัว
โดยสิ่งแรกนางเอกจำเป็นที่จะต้องทำก็คือ การเข้าถึงพุทธเป็นชั้น โดยจำเป็นต้องยื่นมือเข้าไปในโพรงและก็นางเอกจะจับตัวได้ช่วยที่ทำให้เข้าถึงศาสนาได้ไวที่สุด สิ่งซึ่งหมายถึงกางตตามัน เอาไว้โกนศีรษะ อีกซีนที่แม่งโคตรญี่ปุ่นเลย ก็คือ ความเป็นหนังเซนไต ห้าพระข้างกองกำลัง Seaddattha ที่คืนร่างเดิมแล้วจับกลุ่มประกอบกันใหม่ 5 ส่วน กลายเป็นสรรพสัตว์ร่างใหม่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม
รีวิวหนัง “Fair Play” ดำตรงสู่ความฉิ-หายวินาศที่ชีวิตของการการมีคู่ครอง แบบอย่างเศรษฐวิทยา
ถึงเวลามาแซ่บ กับเกมความร้อนเร่าของพวกเขาทั้งสอง กับหนังตื่นเต้นแอบซ่อนเกมการแข่งขันชิงชัยบนเฉือนคมที่คงจะคุกรุ่นพอได้ อย่าง “Fair Play” ที่ติดเรท R ที่มีรายละเอียดหักเหลี่ยมกันเมื่อใดก็ตามได้โอกาสเผลอ กับจังหวะเร่งเร้าของคู่สมรสที่ไม่สามารถคบกันได้อย่างเปิดเผย จำเป็นต้องมาเจอหน้ากับการต่อสู้กันในบริษัทที่เสี่ยงทำให้ความรักจะต้องสะบั้น!
เกิดเรื่องราวชีวิตอันแสนสุขสมของ เอมิลี กับ ลุค วัยรุ่นที่คลุ้มคลั่งรักกันและกัน โดยที่พวกเขาหมั้นหมายตระเตรียมตบแต่งกันเร็วๆนี้ เพียงแค่พวกเขาดำเนินงานที่เดียวกัน ที่มีนโยบายห้ามคบค้าแล้วก็มีความเกี่ยวข้องกันเด็ดขาด เมื่อการเลื่อนฐานะอย่างเหนือความหวังในกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ทุกฝ่ายแข่งขันกัน เปลี่ยนเป็นจุดแตกหักระหว่างพวกเขา แล้วก็แปลงเป็นการบั่นทอนชีวิตของการการมีคู่ครองที่พร้อมจะพังทลายลงได้ทุกเวลา
นี่เป็นผลงานใหม่ของผู้กำกับหญิง “วัวลอี โดมอนต์” (จากซีรีส์ Ballers) ที่ถือว่าคัมแบ็กกลับมาทำหนังอีกรอบในรอบเกือบจะสิบปี รวมทั้งถือได้ว่าเป็นการกลับมาที่ค่อนข้างจะท็อปฟอร์มไม่น้อย เพราะเหตุว่าหนังหัวข้อนี้ออกจะสะดุดตาเมื่อตอนเปิดตัวฉายที่เทศกาลหนังซันแดนซ์ ตอนต้นปีให้หลัง โดยงานนี้คุณรับหน้าที่อีกทั้งดูแลรวมทั้งเขียนบทเอง มันเปลี่ยนเป็นอีกงานชิ้นยอดเยี่ยมของคุณไปแล้ว
ในบางมุมมันก็ชักชวนคิดถึงหนังออสการ์สาขาภาษาต่างชาติจากประเทศญี่ปุ่นอย่าง ‘Departures’ (2008) อยู่เหมือนกัน ที่ผู้แสดงนำมิได้เต็มอกเต็มใจกับอาชีพคนเผาศพก่อนที่จะเจอบางสิ่งบางอย่างในนั้น แม้กระนั้นสำหรับ ‘สัปเหร่อ’ ก็มีที่ดินของตนสำหรับเพื่อการเล่าที่ทำให้แตกต่างจากหนังเรื่องไหน มันมีอีกทั้งความดิบสำหรับในการพรีเซ็นท์ภาพพิธีการความตายที่บ้านๆกระทั่งมองน่าผวา
และก็มีความเซอร์เรียลเกินตรรกะเหตุผลธรรมดาจะเรียกว่าความคัลต์ของบ้านพวกเราก็ว่าได้ ซึ่งหนังก็ใช้แนวทางพรีเซนเทชั่นให้ผู้ชมตั้งข้อซักถามต่อภาพข้างหน้าเอาเองบ้าง และก็บางโอกาสก็ให้ผู้แสดงตั้งประเด็นผ่านบทพูดพร้อมคำชี้แจงจากอีกผู้แสดงที่ให้ประเด็นทั้งยังความศรัทธารวมทั้งจิตวิทยาที่กอดทั้งคนรุ่นก่อนรวมทั้งคนสมัยใหม่อย่างรู้เรื่อง มันก็เลยเป็นหนังที่บอกเรื่องความตายและก็การพูดถึงผู้ที่ตายได้อย่างมีวุฒิภาวะ อบอุ่นหัวใจไม่น้อยทีเดียว
สิ่งที่นักเขียนจำต้องดูแรงๆสูงที่สุดเกี่ยวกับหนังประเด็นนี้ก็คือการออกแบบงานสร้างครับผม กล่าวได้ว่าเหมือนจริงมากมายๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งการถ่ายทอดบรรยากาศชนบทของเมืองไทยในตอนทศวรรษ 1960 รวมทั้งมนต์เสน่ห์อะไรบางอย่างของสมัยนั้นได้ออกมาสมจริงสมจังมากมายๆส่วนประกอบนิดๆหน่อยๆนี่เกือบจะไม่มีหลุดให้มองเห็น รวมทั้งเนื้อหาในเชิงประวัติศาสตร์ที่ก็ทำออกมาได้สมจริงสมจังอย่างกับย้อนไปถ่ายทำในวันนั้นจริงๆ
คือ หนูทุ่งนา หนึ่งลูกสาว ที่เล่นบทเป็นสาวสมัยนั้นได้แบบเพียงพอมีจริตจะก้านแบบพอดิบพอดีๆแต่ว่าที่ชูให้ชั้น 1 ก็คือน้าสามารถ เสือย่ำรุ่ง ในบทคุณลุงสุนัขน ที่รอเป็นตัวกึ่งกลางให้กับทุกๆนักแสดง เป็นคุณคุณลุงแก่ๆใจดีที่ถ้าเกิดเป็นเครือญาติพวกเราสักคน The Burning Buddha Man เขาก็น่าจะเป็นเครือญาติที่พวกเราสนิทด้วยมากมายๆอะไรอย่างงี้
รีวิวอนิเมะ “Berserk of Gluttony จอมจะกละจะกลามกระบี่บ้า” มาตอนต้นก็เด็ดแล้ว!
เล่นเพลงความรุนแรงผ่านการต่อสู้เพื่อเติมเต็มสกิล “มูมมาม” ของ เฟท แกรไฟต์ ให้หายจากอาการหิวโหย และการเดินเรื่องที่ออกจะน่าดึงดูดในการพัฒนาและก็ศึกษาสกิลของตัวเอง เพื่อเงยขึ้นจากการที่ผู้อื่นเคยปฏิบัติดังว่าเขาเป็นขยะ รวมทั้งปะทะกับความกลัวของคนธรรมดาทั่วไป ทั้งในตอนแรกได้เริ่มนักแสดงสาวสวยแสนใจดีคนแรก ร็อกซี่ ฮาร์ต มาเติมเต็มความสุภาพมีมารยาทให้เฟทอีกด้วย
การเล่าเรื่องราวในตอนแรกถือได้ว่าเป็นการเล่าฉากจากในเรื่องย่อออกมาแบบพร้อม ด้วยการที่เขานั้นเป็นเพียงแค่ยามเฝ้าพระราชวัง แล้วก็ถูกอัศวินศักดิ์สิทธิ์รังแกอย่างไม่มีความปรานี แต่ว่าการมาของโจรก็ทำให้เขาได้ทราบจะสกิล ตะกละตะกลาม ของตน พร้อมกับการเจอกระบี่ซึ่งสามารถบอกได้ เขาก็เลยเริ่มสนทนากับกระบี่แล้วก็ฝึกหัดศึกษาสกิลของตนเพิ่มมากขึ้น
ในตอนแรกค่อนข้างจะมีความกระชับพอเหมาะพอควร เนื่องจากว่าไม่เชิญออกนอกสมุทรเท่าไรนัก ปูรายละเอียดออกมาได้อย่างกลมกล่อมละมุนละไมรวมทั้งแจ้งชัด อีกทั้งเงื่อนของผู้แสดงที่โดนเหยียดหยาม หรือนักแสดงร้ายที่ควรมีแนวทางในอนาคต รวมทั้งการเริ่มต้นทำความเข้าใจสกิลตะกละตะกลาม นับได้ว่าเป็นสกิลที่เข้มแข็งพอเหมาะพอควร
เพราะว่าสกิลตะกละตะกลามนั้นแลกเปลี่ยนกับการซึ่งสามารถแย่งชิงสเตตัสแล้วก็สกิลได้ ก็เลยทำให้ไม่อาจจะรรับพรรวมทั้งค่าประสบการณ์ได้ ทำให้พวกเราต้องการติดตามความแข็งแกร่งรวมทั้งการต่อสู้ของเขาต่อในอนาคตบวกกับคาแรคเตอร์ของนักแสดงที่แจ่มชัด เฟท ในตอนต้น มีความอ่อนแอ ไม่เชื่อมั่นในตัวเอง แต่ว่าพอใช้ได้ทำความเข้าใจสกิลก็มองมีความตั้งใจเยอะขึ้นเรื่อยๆ ด้าน ร็อกซี่ คุณมีความน่ารักน่าเอ็นดู
แม้กระนั้นก็หนักแน่นแล้วก็สุภาพกับเฟทอย่างใหญ่โต Biogaming147 ฝั่งนักแสดงร้ายก็คือส่งผ่านความชั่วร้ายมาแบบชัดๆเลย ให้ทราบได้เลยว่ากลุ่มนี้ร้ายแน่ๆ ทั้งในรูปภาพคีย์วิชวลมีนักแสดงที่ยังไม่ออกมาในตอนแรก หามความรอคอยมองวันเสาร์ถัดไปไม่ไหวจริงๆและก็ยังคงเป็นหนึ่งในหนังการ์ตูนชุดที่แฟน ๆ รอคอยกันทุกปีและในปีนี้ก็เป็นคิวของภาคล่าสุด ที่มาพร้อมกับการผจญภัยอันน่าตื่นตาตื่นใจกับ “Doraemon The Movie 2023: Nobita’s Sky Utopia
โดราเอมอน เดอะมูฟวี่ ตอน ฟากฟ้าแห่งยูโทเปียของโนบิตะ” ที่แฟนพันธุ์แท้เจ้าแมวสีฟ้าต้องห้ามพลาดเลย เพราะคราวนี้ก็ยังรักษามาตรฐานความสนุกของตัวเองได้ดีอยู่เช่นเคยที่มองเห็นและอึ้งในความละเอียดรอบคอบมากมายๆและงานด้านภาพที่ทำออกมาได้งามสุดๆในด้านการแสดง จะต้องพูดว่าการแสดงของ 4 ดาราหลักนักบรรยายนั้นนับว่ามีฝีมือและไม่มีอะไรให้ผิดหวังเลยขอรับ จะมีที่ต้องการสรรเสริญเป็นพิเศษก็