คาฮี ปรารถนาโค่นบัลลังก์ คิมไม่นแจ (เคยชินฮาคยูน) เป็นนายพลที่กล้าหาญซึ่งสร้างความสะดุดตาด้วยการคุ้มครองชายแดนของวงศ์สกุลโชชอนที่เพิ่งจะจัดตั้งขึ้น เขารอจับตาอีบังวอน (จางฮยอก) ลูกชายผู้ที่ 5 ของกษัตริย์แทโจ (ชอนบยองโฮ) ซึ่งเขามั่นใจว่ามีความทะยานอยากสำหรับในการยึดบัลลังก์จิน (คังฮานึล) เป็นคิมไม่น – ลูกชายของพี่สาวแล้วก็ลูกเขยของกษัตริย์
เพราะว่าตำแหน่งของเขาในฐานะลูกเขยของกษัตริย์เขาก็เลยไม่อาจจะมีส่วนร่วมทางด้านการเมืองและก็ค้นหาความสบายแค่นั้น Yi Bang-won มีส่วนสำคัญสำหรับเพื่อการช่วยบิดาของเขาล้มวงศ์สกุล Goryeo รวมทั้งริเริ่มตั้งขึ้น Joseon แม้กระนั้นก็ล่วงเลยไปเมื่อ Taejo เลือกผู้สืบทอด คาฮี ปรารถนาโค่นบัลลังก์ ในเวลาเดียวกันคิมไม่นแจก็หลงเสน่ห์กีแซงเป็นครั้งแรก
พบกับภาพยนตร์ดราม่าย้อนยุคสุดเลื่องลือที่ปี!! เมื่อถึงเวลาที่การต่อสู้กำลังเดือดลนลาน อำนาจที่บัลลังก์กำลังจะถูกช่วงชิง เสน่ห์ของหญิงงามอาจจะกลายเป็นอาวุธที่ทรงอานุภาพเหนือสิ่งอื่นใด ใน “Empire of Lust : ติดอยู่ฮี มุ่งหวังล้มบัลลังก์” ผลงานกำกับการแสดงโดย อัน ซางฮุน ผู้ที่ประหลาดจากหนังเขย่าขวัญบล็อกบัสเตอร์อย่าง Arang แล้วก็ Blind
มากำกับหนังดราม่าประวัติศาสตร์เป็นครั้งแรก นำแสดงโดย คุ้นชิน ฮาคยอน (จาก Sympathy for Mr.Vengence, Thirst, Joint Security Area),จางฮยอก (จากVolcano High, Windstruck), คัง ฮานึล (จาก The Heirs TV Series)แล้วก็ศิลปินสาวดาวรุ่ง คัง ฮันท้องทุ่ง ที่จะจำต้องมารับบทของหญิงสาวผู้เป็นตัวแปรสำคัญต่อชีวิตและอำนาจของเด็กหนุ่มๆทั้งยังสามคน
คาฮี ปรารถนาโค่นบัลลังก์ (2015)
ในรัชสมัยเชื้อสายโจชอน องค์ชายอี บังวอน (จางฮยอก )ตั้งอกตั้งใจชิงบัลลังก์จากพระเจ้าอยู่หัวแทโจ แม่ทัพคิม ไม่นแจ (เคยชิน ฮาคยอน) ผู้สัตย์ซื่อก็เลยประกาศทำศึกกับองค์ชายบังวอน เวลาเดียวกันแม่ทัพไม่นแจก็ชอบใจสาวสวย ติดอยู่ฮี (คัง ฮันท้องนา)อย่างถอนตัวไม่ขึ้นจนกระทั่งไม่รู้ว่าคุณกำลังใช้เขาเป็นเครื่องไม้เครื่องมือล้างแค้นให้องค์ชายจิน (คัง ฮานึล) ลูกชายของแม่ทัพไม่นแจ แล้วหลังจากนั้นก็แล้วแรงตั้งใจทั้งอำนาจแล้วก็สตรีกำลังจะพาพวกเขาไปสู่ความวินาศ
“Empire of Lust” ภาพยนตร์ที่ปรับปรุงและทำการแก้ไขมาจากเรื่องจำเป็นในประวัติศาสตร์ประเทศเกาหลีในรัชสมัยวงศ์วานโชชอน เรื่องราวของ องค์ชาย อี บังวอน (จางฮยอก ) ที่มุ่งมาดปรารถนาจะช่วงชิงบัลลังก์จากพระราชาแทโจ แม่ทัพ คิม ไม่นแจ (เคยชิน ฮาคยอน)
ผู้ซื่อสัตย์สุจริตรวมถึงเคยเป็นเพื่อนสนิทร่วมทุกข์ร่วมสุขก็เลยประกาศรบกับองค์ชายบังวอน สุดท้ายมิตรภาพก็เลยจำเป็นที่จะต้องแตกหัก ขณะเดียวกันแม่ทัพไม่นแจ คาฮี ปรารถนาโค่นบัลลังก์ รวมทั้ง จิน (คัง ฮานึล) ลูกชาย ก็คลั่งไคล้สาวสวย ค้างฮี (คัง ฮันท้องนา) อย่างถอนตัวไม่ขึ้นจนกระทั่งไม่รู้เรื่องว่าคุณกำลังใช้เขาเป็นอุปกรณ์ชำระแค้น รวมทั้งแล้วแรงปรารถนาอีกทั้งอำนาจแล้วหลังจากนั้นก็สตรีก็กำลังจะพาพวกเขาไปสู่ความฉิบหาย
อีกสิ่งที่เป็นที่น่าจับตาดูของแฟนคลับเป็นการได้ เบลล่า ราณี มาบรรยายเสียงเป็น พระแม่สีดา ที่ติดต่อความเป็นหญิงของผู้แสดงออกมาได้แบบมีจริตจะก้าน ซึ่งการนำกย์เสียงแอนิเมชันทีแรกของคุณก็ทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยม โดยมี ไบค์ จิตวิน มลิตระกูล เป็นผู้กำกับงานบรรยายไทยในคราวนี้ ร่วมไปกับเสียงบรรยายของผู้แสดงอื่นๆที่มีความชัดถ้อยชัดคำ พาพวกเราเข้าถึงแต่ละนักแสดงในเรื่องได้
แต่ทว่าการใส่เอฟเฟกต์เสียงในระหว่างอยู่ในจักรกลบางช่วงมีคำที่ฟังไม่ค่อยชัดเท่าไรนัก บางทีก็อาจจะเหมาะเจาะกับตอนดนตรีประกอบที่ใส่เข้ามาเลยทำให้เสียงมันตัดกันไปหน่อย ทั้งยังประเด็นนี้มีการใส่ดนตรีประกอบเข้ามาเสริมอรรถรสเกือบจะทุกฉากส่งผ่านอารมณ์ในตอนนั้นๆเจริญ ถึงแม้อาจจะดังกระโดดขึ้นมาไปบ้าง
รีวิวหนัง “นักสู้มนยี่ห้อ : ตำนานแปดพระจันทร์” แอนิเมชันดี แต่ว่าบทรีบเร่งไปไหม?
สมการคอยเลยจริงๆสำหรับภาพยนตร์แอนิเมชันฟอร์มยักษ์จากความสามารถคนประเทศไทย “นักสู้มนยี่ห้อ : ตำนานแปดพระจันทร์ Mantra Warrior : The legend of the eight moons” กับการหยิบยกวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์มาต่อยอดในรูปแบบใหม่ผสมความแอ็คชั่น-ไซไฟแบบตื่นเต้น ถือได้ว่าเป็นหนังแอนิเมชันไทยที่น่าดึงดูดอย่างยิ่งจริงๆ หากว่าความแปลกใหม่ในรายละเอียดจะมองเจือจางไปนิด คาฮี ปรารถนาโค่นบัลลังก์ แต่ว่าสะกิดให้ขนลุกด้วยฉากแอ็คชั่นทรงประสิทธิภาพ
“นักสู้มนยี่ห้อ : ตำนานแปดพระจันทร์” กล่าวขวัญเรื่องราวในจักรวาลอีกห้วงมิติหนึ่ง มหาสงครามระหว่าง องค์ราม รวมทั้ง พระราชาธิราชทศกัณฐ์ ในขณะที่ทำศึกนั้น องค์รามกำเนิดเสียท่า ถูกทศกัณฐ์ลักพาตัวพระแม่สีดา ขึ้นยานหนีไป “พายุ” “เวฬา” แล้วก็ “บุปผา” เหล่าทหารวัยรุ่นทั้งยังสามได้รับคำบัญชาจากองค์ราม ให้ติดตามนำตัวพระแม่สีดากลับคืนมา ภารกิจเหนือชีวิตคราวนี้ก็ถูกขวางด้วยกำลังวังชาอันอย่างใหญ่โตจาก “ราชาพาลี” แม่ทัพผู้อดทนที่ไม่เคยพ่ายในสงคราม แนวทางเดียวที่จะชิงตัวพระแม่สีดากลับคืนมาได้ เป็นรอให้กำเนิดการปรากฏพระจันทร์อีกทั้งแปดที่ดาววานาราเรียงหน้ากัน เมื่อนั้นนักสู้ในตำนานที่ถูกเรียกชื่อว่า “นักสู้มนยี่ห้อ” จะเกิด
ภายหลังอ่านเรื่องย่อ แล้วก็รับดูแบบอย่างหนังผ่านตามาก่อนนั้น ทำให้พวกเรากำเนิดความกังวลว่ารายละเอียดที่ถ่ายทอดออกมาจะแออัดความเป็นอิสระยหรือใส่รายละเอียดในรามเกียรติ์มากเกินความจำเป็นหรือไม่ แต่ว่าพอใช้ได้ดูการเล่าเรื่องราวในครั้งแรกก็รู้สึกได้เลยว่ามีความแปลกใหม่ และก็ใส่เอกลักษณ์ของรายละเอียดเข้ามาได้ออกจะดี แม้ว่าจะมิได้มีการผูกปมหรือประเด็นหลบซ่อนไว้สักเยอะแค่ไหนก็ตาม
การดำเนินรายละเอียดค่อนข้างจะมีความเร่งรีบพอควร แผนภูมิสำหรับการเล่ารายละเอียดก็เลยออกจะตรงเรียบไปบางส่วน ในระยะแรกจนกระทั่งการศึกตอนแรก เป็นการปูที่ออกจะขวานผ่าซากไม่หวือหวานัก สามารถผสมกับมุกขำขันที่แทรกเข้ามาจากนักแสดงอยู่เป็นช่วงๆนำมาซึ่งความกลมกล่อมเข้ามาตอบแทน แต่ว่าในตอนจุดสุดยอด หรือจุดที่ควรจะขยี้ความเกี่ยวพันของผู้แสดงมันกลับมองเร่งรีบและไม่ได้สืบต่อให้พวกเราได้สัมผัสเท่าไรนัก
แต่ว่าถ้าเกิดจะพูดถึงตอนการรบด้วยตัวรายละเอียดสำหรับการติดต่อนั้นมันค่อนข้างจะจางไปเสียนิดหน่อย อาจจะเกิดขึ้นเนื่องมาจากยกไปที่ฉากแอ็คชั่นเสียจำนวนมาก ตัวบทเองก็เลยมิได้ส่งผ่านอารมณ์ของนักแสดงออกมามากแค่ไหน บางช่วงมีการเชื่อมความเกี่ยวพันของผู้แสดงก็จริง แม้กระนั้นด้วยสิ่งที่เล่ามามันเป็นช่วงๆในช่วงเวลาที่อินอยู่ในการสู้รบบทก็เลยอ่อนลงไปนิดหน่อย และก็ทำให้พวกเรารู้จักนักแสดงเพียงแต่ผิวเผินแค่นั้น แต่ว่าถึงแบบงั้นการมาพร้อมคีย์แมสเสจที่ติดต่อออกมากล่าวถึง “หน้าที่เหนือชีวิต” เป็นสิ่งที่ทำให้ยึดติดจนถึงกำเนิดเงื่อนขึ้นมาสะท้อนความน่าดึงดูดใจได้ดิบได้ดี
ในทางของการวางคาแรคเตอร์มีความกระจ่างแจ้งในแต่ละผู้แสดงที่สะท้อนกับวรรณคดีอย่างรามเกียรติ์มาอยู่บ้าง ด้วยผู้แสดงหลักอย่าง พายุ ที่มีความกวนๆคล่องแคล่ว คลับคล้ายคลับคลากับ หนุมาน สร้างเสริมสีสันให้กับรายละเอียดได้อย่างดีเยี่ยม ร่วมกับลักษมันตร์ แม้ว่าจะไม่เก่งกาจด้านใดด้านหนึ่งแต่ว่าก็สร้างความติดตราตรึงใจให้กับผู้ชมไปไม่น้อย ทั้งนักแสดงอย่าง เวฬา บุปผา เปิดเผยให้มองเห็นความขมักเขม้นอยู่เสมอ
รีวิวซีรีส์ Loki Season 2 (4 ทีแรกๆ) นี่แหละภัยอันตรายระดับมัลติเวิร์สที่จริงทรู
มาถึงในขณะนี้ ซีรีส์ ‘Loki’ ที่ฉายใน Disney+ น่าจะเป็นไม่กี่ไตเติลใน MCU (Marvel Cinematic Universe)ในในเวลานั้นที่ได้รับการเอ๋ยถึงเป็นอย่างมาก เพราะว่าเป็นซีรีส์ที่เล่าของเทวดาจอมตลบตะแลง กับการเสี่ยงภัยในมัลติเวิร์สได้สนุกสนานครบรส จนได้รับคำสรรเสริญเยอะแยะ ได้เข้าชิงรางวัล Primetime Creative Arts Emmy Awards สูงถึง 6 สาขา และก็เพียงพอเดินทางมาถึงซีซัน 2 ในสมัยที่คนเริ่มเบื่อกับมาตรฐานคอนเทนต์ของ Marvel Studios ก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ที่ ‘Loki’ จะเปลี่ยนเป็นความปรารถนาของหมู่บ้านที่จะ ‘หาม’ เรื่องราวในเฟส 5 ของ Multiverse Saga ถัดไป และก็เคลื่อนมาตรฐานของค่ายให้กลับมาถูกใจผู้ชมอีกรอบเสียเชิง
ด้านงานแอนิเมชันอาจจะจำต้องให้คำชื่นชมกับความสามารถคนประเทศไทยแบบล้นเปี่ยม เพราะว่าด้วยภาพที่ติดต่อสื่อสารออกมาทั้งยังการออกแบบคาแรคเตอร์นักแสดงในตอนที่เป็นมนุษย์ก็ดีแล้ว หรือในระหว่างการควบคุมจักรกลดีแล้ว มีความกลมกลืนกันแล้วก็ติดต่อออกมาพร้อมกันกับนักแสดงนั้นได้อย่างดีเยี่ยม ด้านสถานที่ในแต่ละฉากพูดได้ว่าสร้างออกมาได้แบบมีคุณภาพ เป็นต้นว่า คาฮี ปรารถนาโค่นบัลลังก์ ฉากในเมืองมีความเทคโนโลยีทันสมัย แล้วก็ตั้งใจในเนื้อหาอย่างดีเยี่ยมมีคำประจำร้านค้า ถอดรหัสกิมมิคของไทยใส่เข้ามาในแอนิเมชันอย่างพอดี แม้ว่าจะมีฉากขายสินค้าแบบโจ่งแจ้งแต่ว่าก็ไม่ขัดอรรถรสเท่าไรนัก
ในซีซันนี้ยังได้ ไมเคิล วอลดรอน (Michael Waldron) นักเขียนบทร่วม ‘Doctor Strange in the Multiverse of Madness’ (2022) มารับหน้าที่เป็นครีเอเตอร์ แม้กระนั้นมีการเปลี่ยนแปลงผู้กำกับจาก เคท เฮอร์รอน (Kate Herron) ในซีซันแรก เป็น จัสติน เบนสัน (Justin Benson) รวมทั้ง แอรอน มัวร์เฮด (Aaron Moorhead) คู่ขาผู้กำกับซีรีส์ MCU ขวัญใจแฟนคลับอีกหัวข้ออย่าง ‘Moon Knight’ (2022) มาเป็นผู้กำกับหลัก นอกเหนือจากนั้นก็ยังได้ ดินแดน เดลิว (Dan DeLeeuw) Visual Effects Supervisor ของ Marvel Studio แล้วก็ แคสรา ฟาราฮานี (Kasra Farahani) มาร่วมควบคุมในบางตอนครับผม
และก็เหนือสิ่งอื่นใดฉากที่ยกอรรถรสของภาพยนตร์แอนิเมชันหัวข้อนี้คงจะหนีไม่พ้นฉากแอ็คชั่นที่ซ้ำๆการต่อสู้กันอย่างดุดันบาดใจ กับการกีดกั้นของนักสู้อย่าง ราชาพาลี จากที่ได้อิงเอาไว้ภายในเรื่องย่อ ซึ่งเป็นแก่นการต่อสู้ที่ดูแล้วมีขนลุกกันไปไม่น้อย เพราะเหตุว่ามีอีกทั้งหุ่นจักรกลขนาดใหญ่ การปะทุพลังอันล้นหลามของทั้งสองฝ่าย แล้วก็กองทัพที่ร่วมต่อสู้อย่างเต็มความสามารถถือได้ว่าเป็นฉากใหญ่ของเรื่องเลยก็ว่าได้ รวมทั้งน้ำหนักของฉากนี้ก็กล่าวได้ว่าย้ำๆเลย
ประการแรกขอ Recap ซีซันแรกสั้นๆว่าในเดี๋ยวนี้ ชายผู้ดำรงอยู่ (He Who Remains) สิ้นชีวิตลงที่วิหารจุดจบของเวลา (Citadel at the End of Time) ด้วยความสามารถของ สิลวี (โซเฟีย ดิ มาร์ติเตียนโน – Sophia Di Martino) ตัวแปรโลกิสตรี ส่วน โลกิ (ทอม ฮิดเดิลสตัน – Tom Hiddleston) ถูกสิลวีส่งคืนมายังที่ทำการ TVA (Time Variance Authority)
ผลพวงจากนั้นเป็นการแตกกิ่งก้านสาขาของเส้นเวลา (Nexus Event) ออกนอกเส้นเวลาศักดิ์สิทธิ์ (Sacred Timeline) แบบไม่จบไม่สิ้น Biogaming147 ทำให้ มอร์เบียส (โอเวน วิลสัน – Owen Wilson) ข้าราชการข้างข้อมูลของ TVA รวมทั้งฮันเตอร์ B-15 (วันมี โมซากู – Wunmi Mosaku) หน่วยไล่ล่าของ TVA จำโลกิมิได้อีกต่อไป (หรือ TVA จะเป็นคนละไทม์ไลน์ ? )