ดู Fast & Furious 9 (2021)

ดู Fast & Furious 9 (2021)

ดู Fast & Furious 9 (2021)

ดู Fast & Furious 9 (2021) ภาพยนตร์เรื่อง นี้นับว่าเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับความพอใจอย่างมากด้วยความเพลิดเพลินและความน่าเร้าใจที่มีกันอย่างสม่ำเสมอ มีความโอเวอร์แอ็คชั่นที่ผาดโผนแบบสุดๆโดยภาคที่ 1 นั้นจะเป็นการโชว์สตั้นซิ่งรถยนต์ลอดใต้รถบรรทุก ภาคที่ 2 จะเป็นการโชว์รถยนต์พุ่งขึ้นเรือ ภาคที่ 3 จะเป็นทักษะการโชว์การดริฟรถบนเขา ภาคที่ 4 จะเป็นการซิ่งรถยนต์ในอุโมงค์มืด ภาคที่ 5 จะเป็นการซิ่งรถปล้นรถไฟ ภาคที่ 6 จะโชว์รถยนต์สู้กับรถยนต์เกราะรวมทั้งรถถัง ภาคที่ 7 จะเป็นการโชว์ขับรถข้ามตึก ภาคที่ 8 จะเป็นการโชว์การซิ่งรถยนต์บนน้ำแข็ง กระทั่งมาถึงภาคที่ 9 ที่มีการใช้สลิงโชว์ซิ่งรถกลางอากาศหรือการเล่นงานจากเฮลิคอปเตอร์ ถือเป็นการซิ่งที่จะสร้างความน่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง ภาพยนตร์เรื่อง Fast & Furious 9 นี้ได้มากระทำถ่ายทำในประเทศไทยอีกด้วย โดยจังหวัดที่ได้เข้ามากระทำการถ่ายทำยกตัวอย่างเช่นกระบี่ จังหวัดภูเก็ต รีวิว Fast & Furious 9 (2021) จังหวัดพังงา แล้วก็จังหวัดสุราษฎร์ธานีเมื่อปี 2562 ก็ได้สร้างความฮือฮาให้กับเหล่าแฟนหนังของ Fast ของไทยเป็นอันมาก และแน่นอนสิ่งที่ต้องมีให้ได้ของภาพยนตร์หัวข้อนี้คือวิน ดีเซล พระเอกกล้ามโตมาดรุนแรงที่อยู่กับเราในทุกภาค ผู้ใดกันที่ติดตามเรื่อง Fast มาตั้งแต่ภาคแรกน่าจะชอบโทนหนังแนวรถซิ่งรถแต่งแบบนี้แน่นอน หากแม้ในสามภาคแรกนั้นจะเน้นทางการแข่งรถมากมายไปภาคต่อๆมาก็ได้กระทำลดเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการแข่งลงมาปูเรื่องราวให้เป็นแบบแอ็คชั่นผสมอาชญากรรมด้วยประสิทธิภาพของหนัง ความสามารถของทั้งยังผู้กำกับและดาราทำให้ภาพยนตร์เรื่อง Fast นั้นไม่เคยสร้างความผิดหวังให้กับคนชอบดูหนังเหล่านักซิ่งรถยนต์เลยแม้กระทั้งครั้งเดียว ด้วย ภาพ สี แสง ฉากแอ็คชั่นที่สามารถเรียกได้เลยว่าทุ่มทุนสร้างและก็ลงทุน นับว่าไม่ทำให้ผู้ชมหรือแฟนหนังประเด็นนี้เสียใจหรือผิดหวังแน่นอนร่วมกับการกลับมาของนักแสดงมากเรื่องมากความสามารถนานัปการท่านรวมทั้งสองผู้แสดงรางวัลออสการ์อย่างเฮเลน มิร์เรนรวมทั้งชาร์ลิซ คุณรอน รวมถึงคาร์ดี บีผู้ครอบครองซุปเปอร์สตาร์ ผู้ครอบครองรางวัลแกรมมี่ที่มาสวมบทบาทเลซ่า หญิงสาวที่มีอดีตกับดอมยิ่งทำให้ความน่าสนใจของภาพยนต์หัวข้อนี้มีเยอะขึ้นเรื่อยๆ ช่วงนี้ก็ได้มีกำหนดออกมาอีกรอบเกี่ยวกับวันที่จะนำภาพยนตร์ประเด็นนี้เข้ามาฉาย Fast & Furious 9 นี้มีระบุที่จะนำหนังเข้ามาฉายอีกรอบในวันที่ 24 มิถุนายน 2564 ทุกโรงภาพยนตร์

รีวิว The End of the Storm

เริ่มแรกออกสตาร์ทว่าผมเป็นแฟนกลุ่ม Liverpool ครับ ผมจะขอรีวิวตามความรู้สึก แล้วก็ขอไม่ให้แต้มหนังประเด็นนี้ละกัน ประเดี๋ยวมันจะเป็นการอวยเหลือเกิน 555+นี่คือหนังสารคดีของ Liverpool กับทางการได้แชมป์พรีเมียร์ลีกทีแรกในรอบ 30 ปี ของฤดูกาล 2019/20 ภายหลังที่พวกเขาพึ่งครองแชมป์ยูฟ่า

แชมเปี้ยนส์ลีกไปครอง นำโดยผู้จัดการอย่าง Jurgen Kloppแน่นอนว่านี่เป็นหนังเฉพาะกลุ่มมากมาย ถ้าเป็นแฟนบอลกลุ่มอื่นคงจะไม่อิน แล้วก็หากเป็นคนไม่ได้ติดตามเลยก็ย่อมจะไม่อินเข้าไปใหญ่ มันเป็นการย้อนดูการบรรลุเป้าหมาย การผ่านเส้นทางอันยากลำเค็ญ เราจะได้มองว่าพวกเขาต้องพบเจอกับอะไรบ้างตลอดฤดู

การฝ่าอุปสรรคลูกนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิดนี่คือผลงานการควบคุมรวมทั้งเขียนบทของ James Erskine ที่ที่ผ่านมาผมพึ่งจะเคยดูผลงานของเขาไปกับเรื่อง Billie แล้วก็จำเป็นต้องบอกตามตรงว่ารังเกียจเลย น่ารำคาญมากมายๆบางทีก็อาจจะเพราะเหตุว่าไกลตัวและก็พวกเราไม่ทราบ Billie Holiday ด้วยมั้ง

แต่เพียงพอมาเป็น Liverpool ทีมที่เราเชียร์ก็เลยตัดสินใจไปดูด้วยล่ะแต่ว่ามันก็ยังคงกลัวเช่นกันว่าจะทำออกมาน่าเบื่อแบบ Billie จะทำเช่นไรให้มันยังคงกินใจ ตื่นเต้น และอินกับเรื่องราวที่คนรู้อยู่แล้วตัวหนังส่วนมากเล่าเรื่องโดยการสัมภาษณ์ผ่าน Jurgen Klopp ถึงเหตุการณ์ต่างๆความรู้สึก ความนึกคิด

การตัดสินใจ เวลานี้ๆรวมถึงทรรศนะวิสัยวิธีการทำกลุ่มของเขาด้วย แล้วก็ด้วยความที่ Klopp เป็นคนพูดเก่ง มีวาทะศิลป์ดี เราก็จะได้เห็นคำคม หรือประโยคต่างๆที่ฟังแล้ว “โห ยอดเยี่ยม” รวมทั้งการได้มองเห็นเขามานั่งให้สัมภาษณ์แบบผ่อนคลาย ยิ้ม หัวเราะ มันเป็นความรู้สึกที่ดีสำหรับแฟนบอลลิเวอร์พูลสุดๆเลย

ด้วยเหตุว่ามันอาจจะไม่มีโอกาสที่พวกเราจะได้เห็นเขาเป็นแบบงี้สักเท่าไหร่ (ในสนามแยกเขี้ยวตลอดเลย 555+)สลับกับการสัมภาษณ์ผู้เล่น หลักๆก็จะเป็น Virgil van Dijk, Jordan Henderson, Alisson Becker, Sadio Mane แล้วก็มีผู้อื่นอีกบ้างอย่าง Roberto Firmino, Trent Alexander-Arnold, Alex Oxlade-Chamberlain

รวมถึงอดีตกาลนักเตะและโค้ชอย่าง Kenny Dalglish แอบเสียดายตรงที่ทำหนังสารคดีเกี่ยวกับ Liverpool ทั้งที คงจะได้สัมภาษณ์เหล่าผู้เล่นคนอื่นมากกว่านี้ มีหลายๆคนที่เราใคร่รู้ความรู้สึกของพวกเขามาก พวกเขาอาจจะมีขณะที่เหนื่อยยากแล้วก็น่าจำในฤดูกาล 2019/20 ไม่มากมากพอๆกับเหล่าผู้เล่นคนอื่นรวมทั้งหนังยังไม่ลืมเลือนที่จะสัมภาษณ์แฟนบอลที่เป็นกำลังสำคัญในการครองแชมป์ของ

Liverpool แต่ว่ารู้สึกว่าเราไม่ค่อยอินกับพาร์ทแฟนบอลสักเท่าไหร่ มันน่าจะมีแฟนบอลคนอื่นๆที่คงจะทำให้เรื่องราวอินได้มากกว่าที่ตัวหนังเลือกมาเล่า มากล่าวถึงความ exclusive มันมีนะ แต่ไม่เยอะแยะ แน่นอนว่าพวกเราคงไม่เคยได้ยินหรือรับทราบความรู้สึกในหลากหลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในฤดูกาล 2019/20

ที่ตรงนี้มันก็จะมีความพิเศษหน่อย แต่ว่าฟุตเหตุต่างๆมันยัง exclusive น้อยไปหน่อย หลายฟุตเราก็เคยได้เห็นกันมาแล้ว อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีในสนามฝึกที่ไม่เคยเห็น แม้กระนั้นที่ต้องการเห็นเป็นระยะเวลาก่อนแข่งขันในห้องแต่งตัวแมชสำคัญๆเรามองไม่เห็นเลย…ในรูปภาพรวมหนังมันก็มิได้น่าเบื่อเหมือนอย่างที่คิด

บางช่วงรีบเล่าเร็วไปด้วยซ้ำ แต่ก็ยังคงมีซีนให้ตื้นตันใจ ดู Fast & Furious 9 (2021) ติดอกติดใจ ดราม่า โมเมนท์น่ารักน่าเอ็นดูๆของผู้จัดการ ของผู้เล่นให้เราได้เห็นตลอดทั้งเรื่อง The End of the Storm เป็นวลีที่มาจากเพลง You’ll Never Walk Alone ที่เป็นสโลแกนแล้วก็เพลงประจำทีม Liverpool มาจากท่อนที่ว่า

“At the end of a storm. There’s a golden sky and the sweel silver song of a lark.” ซึ่งหนังเรื่องนี้แสดงให้พวกเรามองเห็นอย่างชัดเจนว่าการครองแชมป์ฤดูกาล 2019/20 การที่พวกเราจะก้าวเดินฟันฝ่าอันเลวทรามกว่าจะมาถึงจุดนั้น พวกเราจะต้องมีความคาดหวังในหัวใจ แล้วก็ควรทราบไว้ว่าคุณมิได้เดินสิ่งเดียวถาง

รีวิวหนัง Raya and the Last Dragon รายากับมังกรตัวสุดท้าย – แอนนิเมชั่ท้องฟ้าพงาม ดูเพลิดเพลิน เนื่อเรื่องดี

Raya and the Last Dragon รายากับมังกรตัวในที่สุด หนังการ์ตูนแอนนิเมชั่นเรื่องใหม่ล่าสุดของทางดีสนีย์ ที่มีเจ้าหญิงคนใหม่ พื้นที่ดีสนีย์มีแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมของชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สนิทสนมกับบ้านพวกเรามหาศาลกับหนังประเด็นนี้ โดยแอนนิเมชั่นประเด็นนี้เป็นของผู้กำกับ

ดอน ฮอลล์ จาก Big Hero 6 (2014) และ Moana (2016) ร่วมมือกับ การ์โลส โลเปซ เอาตราดา ในการสร้างแอนนิเมชั่นหัวข้อนี้กับ Raya and the Last Dragon รายากับมังกรตัวท้ายที่สุดส่วนผู้แสดงที่มาให้เสียงบรรยายนั้นได้เอ็ง เคลลี่ มารี ทราน มาให้เสียงเป็น รายา , อควาฟิทุ่งนา มาให้ให้เสียงเป็น สิซู

ส่วนของบ้านเรา Raya and the Last Dragon รายากับมังกรตัวสุดท้าย ได้ดาราหนังอย่าง ญาญ่ามาให้เสียงพากย์เป็น รายา ขอรับ Raya and the Last Dragon รายากับมังกรตัวสุดท้าย โดยหนังจะเล่ารางของชนเผ่า 5 ชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งมังกร แม้กระนั้นแล้วหลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์ที่จำเป็นต้องทำให้

รายา จำเป็นต้องออกเดินทางตามหามังกรตัวท้ายที่สุดที่เหลืออยู่ เพื่อมาปราบภูติผีปีศาจที่ชื่อ”ดรูน”ให้ต้องได้ Raya and the Last Dragon รายากับมังกรตัวสุดท้าย บอกเลยเนื้อเรื่องโคตรซาบซึ้งใจระหว่างมิตรภาพที่จำต้องร่วมมือกันสู้กับดรูน ชอบที่หนังหยิบใช้พื้นหลังของเรื่องเป็นทวีปเอเชียที่มันเป็นประเทศไทยมากๆเลยล่ะ

 

การันตีมองเพลิดเพลินสุดๆไปเลยกับหนังเรื่องนี้ หนังทำออกมาเสมือนเกมที่พวกเราจึงควรทำภารกิจไปทีละด่านละก็ไปจบที่ด่านบอส และพอเพียงไปแต่ละที่ก็จะมีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นนั้นเอง จนช่วงท้ายของเรื่องก็สามารถร่วมกันเป็นเลิศเอาชนะภูติผีปีศาจดรูนได้ แล้วก็สิ่งที่ชอบมากมายในหนังหัวข้อนี้อาจจะเป็นตัวละครอย่าง

สิซู ที่เป็นมังกรน้ำตัวท้ายที่สุด ที่มีทั้งยังความฮาและความน่ารักน่าเอ็นดูราวกับเด็กที่มีความอยากรู้อยากเห็นทุกๆสิ่งทุกๆอย่างหลังจากการหลับไปนานหลายปีด้าน Effect CG ของหนัง ก็อาจคุณภาพดีสนีย์อย่างเดิมที่เก็บรายละเอียดทั้งหมดทุกอย่างครบแน่ๆส่วนเสียงพากย์ภาษาไทยนั้น ญาญ่า ก็ไม่ทำให้ผิดหวังอย่างยิ่งจริงๆถือว่าเป็นการบรรยายไทยที่น่าดูไม่แพ้อ่านดูดซับเลยครับผม

จุดเด่นของหนังเรื่อง Raya and the Last Dragon รายากับมังกรตัวในที่สุด คือเป็นการ์ตูนแอนนิเมชั่นดูเพลิดเพลิน แถมมีพื้นหลังเป็นแถบบ้านพวกเราที่เขาทำออกมาได้อย่างสมจริงสมจัง สวยกระทั่งจับใจ โครงเรื่องของหนังก็ดี สามารถพาผู้ชมอินไปกับหนังได้อย่างสบายๆ
Raya and the Last Dragon รายากับมังกรตัวในที่สุด แอนนิเมชั่นดูสนุกสนาน ดูเพลิดเพลิน ตลอดเรื่อง เค้าเรื่องดี ภาพสวย เป็นแอนนิเมชั่นที่ไม่สมควรพลาดเลยในปีนี้

รีวิว Soul – ประหลาดวิญญาณชุลมุนหนังอนิเมชันส่งท้ายปี

ส่งตรงจาก Pixar กับเรื่อง Soul หรือชื่อไทยว่าแปลกวิญญาณปั่นป่วน บอกเล่าเรื่องราวของ Joe ผู้ชายวัยกลางคนผู้มีเป้าหมายอยากเป็นนักเล่นดนตรีแจ๊สโดยตลอด แต่ว่าข้อเท็จจริงเขาก็เป็นเพียงแต่อาจารย์ประถมสอนดนตรีทั้งหมด แม้กระนั้นชะตากรรมก็เปิดโอกาสเขาได้ไปร่วมกลุ่มดนตรีแจ๊สมีชื่อเสียง

แม้กระนั้นโชคชะตาก็เล่นตลกกับเขาอีกที เมื่อเขาดันพลาดตกท่อทำให้เขารุนแรงวิญญาณออกจากร่างไปสู่โลกภูมิสุดแปลกประหลาด ที่จะพาไปรู้จักกับคำว่า ชีวิตท้ายปีคงจะไม่มีหนังเรื่องไหนที่จะแก้ไขจิตใจแล้วก็มอบความสำราญได้เท่าประเด็นนี้แล้วแหละ เป็นการฮีลเรื่องร้ายๆก่อนหน้านี้ทั้งปีจริงๆบางทีก็อาจจะช่วยไม่ได้ไปตลอดหรอก

แต่มันเป็นช่วงเวลา 1 ชั่วโมง 40 นาทีที่คุ้มจริงๆนับได้ว่าเป็นหนัง Pixar ที่มีความเป็นผู้ใหญ่พอตัวเลยแหละ ใจความสำคัญในเรื่องต่างๆมันเป็นหลักสำคัญเอาจริงเอาจัง กับการตามกล่าวโทษหมายของการมีชีวิต แต่ว่าหนังก็ยังไม่ลืมที่จะใส่ร้ายตลกโปกฮาและก็ความน่ารักน่าเอ็นดูเอาไว้เหมือนกับเดิม

ที่สำคัญยังคงทัชดวงใจผู้ชมได้เช่นกันตัวบทถือว่าทำออกมาได้ในระดับโอเค มันมีเล็กน้อยยังคงไม่มีเหตุผล มีการตั้งข้อซักถามอยู่บ้าง ทิ้งค้างคาไว้บ้าง (เรื่องผู้เรียน, เรื่องเพื่อนฝูง, เรื่องแม่) เป็นถ้าหากตอนท้ายเอาเรื่องราวพวกนั้นมาเป็นภาพเล่านิดๆหน่อยๆมันจะลงตัวมากเลย และก็หลายๆครั้งมันก็ราบรื่นเกินความจำเป็น

หาทางลงง่ายเหลือเกินและมองรีบๆไปเสียหน่อย ดู Fast & Furious 9 (2021) แต่ในภาพรวมมันก็ยังน่าติดตาม แล้วก็พาคนดูไปเอ็นหน้าจอยกับมันได้อย่างไม่ยากเย็น เนื่องจากมันยังคงสนุกสนาน ดูง่ายงานด้านภาพนี่พูดได้ว่างดงามสุดๆอีกทั้งในพาร์ทของวิญญาณที่สร้างสรรค์ บางทีอาจมองเป็นตัวละครง่ายๆเป็นมิตรแล้วก็สบายตาสุดๆ

แต่ว่ามันเต็มไปด้วยเนื้อหางามเล็กๆไม่ว่าจะเป็นสีสัน หรือแบบราวกับกาแล็กซี่ไหลๆไปที่เส้น ชี้แจงผิด 5555 ส่วนในพาร์ทของคนท่ามกลางเมืองใหญ่นี่ก็สวยแบบไร้ที่ว่ากล่าวจริงๆชอบความที่หนังค่อยๆอุตสาหะให้พวกเรารับรู้ ทำความเข้าใจ และสอนเราถึงสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อ โดยไม่ต้องให้เหล่าตัวละครมากล่าวคำคมหรือแออัดยัดเยียดให้พวกเราเชื่อตาม

แม้กระนั้นหนังดำเนินมาเรื่อยเรียบง่าย ค่อยๆเป็นค่อยๆไป จนกระทั่งมาถึงตอนท้ายพวกเราคล้อยตามและเห็นด้วยกับข้อสรุปของหนังอย่างไม่รู้ตัวทดลองพัก ทดลองใช้เวลาช้าๆมองไปบริเวณเอ็นหน้าจอยกับสิ่งพวกนั้น มันสุขสบายอยู่ทุกมุมมองนั่นแหละ ถ้าหากถามว่าชีวิตคืออะไร มีชีวิตเพื่ออะไร…มันคือการได้ดำเนินชีวิตนี่แหละ

กลับสู่หน้าหลัก https://bri-chan.com/