ตลาดอา หารเสริม 2021

ตลาดอา หารเสริม 2021

ตลาดอา หารเสริม 2021

ตลาดอา หารเสริม 2021 ถึงแม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะซบเซาในตอนปีที่ผ่านมา จากการแพร่ระบาดของวัววิด – 19 มีผลก่อให้เกิดการเทรนด์รักษาสุขภาพบูมมากขึ้นอีกที เห็นได้ชัดจากตัวเลขของอุตสาหกรรมอาหารเสริมเพื่อสุขภาพซึ่งเติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่าปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักมีเหตุที่เกิดจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เริ่มแปรไป หันมาดูแลรักษาสุขภาพร่างกายกันมากกว่าแต่ก่อน ตลาด อาหารเสริม 2021 ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือคนแก่สอดคล้องกับผลงานวิจัยของสวนดุสิตโพล พบว่าคนประเทศไทยกว่า 45.39% หันมาใส่จสุขภาพกันมากเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังกาย เอาใจใส่เรื่องรับประทานอาหารที่มีสาระ ทานอาหารเสริมแล้วก็วิตามิน ตลอดจนขอความเห็นผู้ที่มีความชำนาญด้านของสุขภาพกันเยอะขึ้น

ประกอบกับปริมาณสามัญชนผู้สูงวัยที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ทำให้ลูกค้าให้ความใส่ใจกับการผลิตภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย (Immune System) จึงเป็นจังหวะสำคัญที่ผู้ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นของไทย จะใช้จุดแข็งของสมุนไพรไทย บวกกับการใช้ผลดีจากเทคโนโลยีรวมทั้งการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมอีก ต่อยอดสินค้าของกิน เครื่องดื่ม รวมถึงอาหารเสริมต่างๆของไทย เพื่อขยายตลาดต่างถิ่นและก็รองรับในสิ่งที่ต้องการของผู้ใช้ทั้งโลก”

เพราะปัจจุบันนี้ เทรนด์ความนิยมชมชอบในอาหารเพื่อคนที่รักสุขภาพทั่วทั้งโลก กำลังอยู่ในตอนขาขึ้นอย่างชัดเจน อ้างอิงได้จากผลวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของผู้บริโภคของบริษัท Mintel ยืนยันว่า คนซื้อในทวีปยุโรป ให้ความเอาใจใส่กับการสร้างภัณฑ์ที่เป็นมังสวิรัติ (Vegan) และก็มีส่วนผสมของน้ำตาลน้อย (Low Lactose)เวลาที่ลูกค้าในทวีปอเมริกาเหนือ

เน้นย้ำสินค้าที่ไม่สารตกแต่งกรรมพันธุ์ (GMO Free) และลูกค้าในทวีปเอเชียนิยมผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติรวมทั้งปราศจากสารปรุงแต่งโดยผู้ซื้อทั่วทั้งโลกยังคงนิยมกินอาหารเสริมและวิตามินในรูปแบบเม็ดแคปซูลมากที่สุด รองลงมาเป็นแบบเม็ด ตลาดอา หารเสริม 2021 แบบผง รวมทั้งแบบน้ำ รวมทั้งผู้ใช้ทั้งโลกต่างให้ความเอาใจใส่กับผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติ มีฉลากชัดเจน

และมีความโปร่งใสวิเคราะห์ในแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์ได้ยาสมุนไพรไทยรวมทั้งผู้บริโภคทั่วทั้งโลกเห็นพ้องต้องกันเกี่ยวกับการกินอาหารเสริมแล้วก็วิตามินที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติมากกว่าที่ใส่สารแต่ง แล้วก็คนซื้อคนอเมริกันจำนวนร้อยละ 27 ยอมจ่ายเงินเพิ่มขึ้น หากสินค้านั้นเป็นอาหารเสริมที่ไม่ผ่านการปรุงแต่ง (whole food ingredients) ในขณะที่ ปริมาณร้อยละ 35 ต้องการทราบความเป็นมาของผลิตภัณฑ์

เปิดเทรนด์ความชื่นชอบอาหารเสริมและก็วิตามินทั่วโลก

ตลาดที่ ธุรกิจอาหารเสริมแล้วก็สมุนไพรไทย จะต้องไปริเริ่มนอกจากนั้น สนค. ได้เผยข้อมูลแนวโน้มอาหารเสริมรวมทั้งวิตามินในอนาคต ที่ผู้ใช้ทั่วโลกให้ความสำคัญมี 5 ต้นสายปลายเหตุ ตัวอย่างเช่น

1.การช่วยสนับสนุนสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Health)ผู้ซื้อทั้งโลกกว่าจำนวนร้อยละ 70 อยากอาหารเสริมหรือวิตามินซึ่งสามารถปรับสมดุลในร่างกายเพื่อช่วยสำหรับเพื่อการนอนและลดความเคร่งเครียด โดยเน้นย้ำสารสกัดจากสมุนไพรที่ได้มาจากธรรมชาติและไม่ทำให้เป็นอันตรายต่อสภาพทางด้านร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลและรักษาสมดุลของระบบทางเดินอาหาร เพื่อป้องกันโรคภูมิแพ้ โรคภายในโพรงปาก และช่วยรักษาผิวพรรณ

2.ความกลุ้มอกกลุ้มใจกับโรคอุบัติใหม่แล้วก็ปัญหาสุขภาพ (New and emerging health concerns) โดยผู้ซื้อชาวอเมริกันปริมาณร้อยละ 35 จะเลือกซื้อสินค้าที่สร้างภูมิต้านทานในผลิตภัณฑ์เสริมของกินรวมทั้งเครื่องดื่มชดเชย คนซื้อคนประเทศไทยปริมาณร้อยละ 47 ของคนซื้อที่ต้องการอาหารเสริมและวิตามินเพิ่มเติม จะหาซื้อในแบบของกินรวมทั้งเครื่องดื่ม และร้อยละ 63 จะนิยมเครื่องดื่มบำรุงสายตา ในขณะที่ ผู้ใช้ชาวเยอรมัน อายุระหว่าง 55-64 ปี ร้อยละ 41 นิยมกินในลักษณะของโยเกิร์ต

3.การประสมประสานกับอาหารแล้วก็เครื่องดื่ม (Align with food and drink)ผลิตภัณฑ์เสริมของกินและวิตามินที่มาจากพืชแล้วก็โปรตีนลู่ทางจะได้รับความนิยมเยอะขึ้นเรื่อยๆ โดยผู้ใช้คนออสเตรเลียจำนวนร้อยละ 24 ให้ความใส่ใจต่อการเลือกอาหารที่พิจารณาถึงความเป็นเพื่อนต่อสิ่งแวดล้อมในตอนที่ผู้ใช้ในยุโรปปริมาณร้อยละ 45 เชื่อว่าการกินอาหารจากพืช (plant-base) เกิดผลดีต่อสภาพร่างกาย รวมทั้งลูกค้าชาวประเทศโปแลนด์และฝรั่งเศส ร้อยละ 34 แล้วก็ 35 เป็นลำดับ นิยมกินเครื่องดื่มจากพืช อาทิเช่น น้ำนมถั่วเหลืองรวมทั้งโยเกิร์ตที่มาจากพืชมากกว่าสัตว์

4.การผสมผสานกับความสวยความงาม (Beauty Benefit)โดยเฉพาะ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิก (hyaluronic acid) ได้รับความนิยมสูงในตอน 5 ปีให้หลัง เนื่องจากว่ามีคุณสมบัติช่วยลดเลือนริ้วรอยและให้ความชุ่มชื้นต่อผิวโดยพบว่า ผู้ซื้อคนประเทศไทยกว่าจำนวนร้อยละ 51 มีความสนใจกับอาหารและเครื่องดื่มที่ทำให้ผิวพรรณดียิ่งขึ้น และคนซื้อชาวจีน ให้ความสนใจกับผลิตภัณฑ์ที่ใส่อาหารเสริมแล้วก็วิตามินในน้ำผลไม้ยิ่งไปกว่านี้ ผู้ผลิตสินค้าในประเทศจีนเริ่มมีการนำกรดไฮยาลูโรนิก (hyaluronic acid) มาผลิตเป็นอาหารเสริมในต้นแบบเยลลี่และก็เครื่องดื่ม ซึ่งถือได้ว่าเป็นการพัฒนาสินค้าเพื่อสอดรับกับความปรารถนาของผู้ใช้ในอนาคต

5.การมีฉลากที่ชัดเจนแล้วก็ความโล่งใสความเป็นมาของสินค้า (Clean label and transparency)ตามที่เกริ่นข้างต้น ถึงเทรนด์ความนิยมชมชอบในอาหารสุขภาพทั่วโลก ที่ชี้ทิศทางเด่นชัดให้ผู้ผลิตสินค้าจึงควรให้ความเอาใจใส่กับฉลากที่แจ่มชัดอีกทั้งห่วงโซ่อุปทานของสินค้า แล้วก็ฉลากที่แสดงลักษณะสินค้าที่สำคัญ ดังเช่น วัตถุดิบทำจากพืช (plant-based ingredient)

ผลิตภัณฑ์ออแกนิก (Organic) ปราศจากการตัดแต่งกรรมพันธุ์ (GMO-free) ไม่มีสารก่อภูมิแพ้ (Allergy free) หรือเปล่าใส่สารกันเสีย (no preservatives) ฯลฯสำหรับสมรรถนะสำหรับในการผลิตของ ธุรกิจอาหารเสริมและก็สมุนไพรไทย ตลาดอา หารเสริม 2021 การันตีได้ด้วยข้อมูลทางสถิติที่กล่าวว่าปัจจุบันไทยเป็นแหล่งสมุนไพรและวัตถุดิบธรรมชาติที่นานัปการ ในปี 2563 มีสถิติการส่งออกอาหารเสริมและก็วิตามิน (พิกัดศุลกากร 2936) จำนวน 1,616.88 ตัน คิดเป็นราคา 794.27 ล้านบาทโดยส่วนใหญ่ส่งออกไปยังประเทศเวียดนามรวมทั้งเมียนมา

รวมสองประเทศคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 50 ของการส่งออกอาหารเสริมรวมทั้งวิตามินทั้งหมด ส่วนการนำเข้าอาหารเสริมรวมทั้งวิตามินจำนวน 11,942.02 ตัน มูลค่า 5,504.93 ล้านบาท โดยนำเข้าจากจีนถึงปริมาณร้อยละ 40 รองลงมา ดังเช่น สวิสเซอร์แลนด์ ประเทศฝรั่งเศส และก็เยอรมนี ปริมาณร้อยละ 18.9 15.4 รวมทั้ง 15.3 เป็นลำดับ

แชร์กลเม็ดผู้ประกอบธุรกิจใหม่ สร้างแบรนด์ ธุรกิจอาหารเสริมแล้วก็สมุนไพรไทย อย่างไร

ให้ปังสำหรับธุรกิจอาหารเสริม หากพิเคราะห์จากความนิยมชมชอบกันในตอนนี้มีหลายกลุ่ม ตัวอย่างเช่น กลุ่มโปรตีนจากพืช กรุ๊ประบบข้างในสตรี กรุ๊ปดูแลผิวพรรณ ฯลฯ ผู้ประกอบกิจการที่พึงพอใจสร้างธุรกิจจำพวกนี้ก็เลยจึงควรมองหากลุ่มเป้าหมายของตัวเองให้ได้ก่อนว่า จะย้ำทำตลาดกลุ่มไหน และควรทำการศึกษาเรียนรู้และทำการค้นคว้าเทรนด์ความนิยมที่สอดคล้องกับแนวโน้มความอยากได้ของกลุ่มคนซื้อในอนาคตด้วยดังนี้

ถ้าอ้างอิงจากข้อมูลของหน่วยงานองค์การสหประชาชาติพบว่าในปี 2030 ไทยจะมีสัดส่วนคนสูงอายุถึง 20% ของปริมาณประชากรไทยทั้งหมด รวมทั้งมีลัษณะทิศทางที่จะอายุยืนมากยิ่งขึ้น นี้ถือเป็นอีกช่องว่างแล้วก็จังหวะทางธุรกิจของ ธุรกิจอาหารเสริมแล้วก็ลูกสมุนไทย อย่างแจ่มแจ้ง โดยควรจะย้ำไปที่กลุ่มอาหารเสริมหรือสมุนไพรไทยที่ช่วยสำหรับการดูแลสุขภาพ ฟื้นฟู

คนไข้โรคต่างๆและที่สำคัญ ขอแนะนำให้สร้างความน่าวางใจให้ผลิตภัณฑ์ด้วยการต่อยอดจากงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยของสถาบันการศึกษา ซึ่งมีมาก โดยปัจจุบันนี้ สถาบันการศึกษา ทั้งยังในระดับมหาวิทยาลัย วิทยาลัยอาชีว วิทยาลัยการอาชีพต่างๆทั่วไทย ล้วนมีงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยด้านคุณค่ารวมทั้งสรรพคุณของพันธุ์ไม้ธรรมชาติของไทย ให้ได้นำไปสานต่อให้เป็นผลิตภัณฑ์หรือสินค้าเชิงพาณิชย์เยอะแยะถัดมา ผู้ประกอบธุรกิจที่ปรารถนาสร้างแบรนด์ธุรกิจอาหารเสริมและก็สมุนไพรไทย ยังต้องให้ความสำคัญในการศึกษาเรียนรู้ เรื่อง งบประมาณสำหรับในการประกอบธุรกิจ ซึ่งค่าใช้สอยสำคัญๆแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ

1.งบประมาณด้านสินค้าต้องหาคำตอบให้คำถามตั้งแต่นี้ต่อไปให้ได้ ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ ที่มีต้นทุนที่ไม่เหมือนกัน เป็นวัตถุดิบที่ขึ้นชื่อแล้วก็หายากแค่ไหน ส่วนประกอบหรือสมุนไพรที่ใช้ผ่านการรับรองจากองค์การของกินรวมทั้งยาหรือเปล่า ถ้าไม่เคยถูกขึ้นทะเบียนมาก่อน จำเป็นต้องทำเรื่องขอ อย.ใหม่ ซึ่งค่อนข้างจะยุ่งยาก ผลิตจากไทยหรือนำเข้าจากต่างแดน ปริมาณส่วนผสมสำคัญที่ใส่ลงไป แล้วก็จะทำออกมาในลักษณะใด มีอีกทั้งแบบแคปซูล แบบผง หรือแบบน้ำ เพราะว่าต้นทุนต่อหน่วยการผลิตต่างกันออกไปนั่นเอง

2.งบประมาณด้านการตลาดรายจ่ายในส่วนนี้ควรจะตระเตรียมให้มากพอจนกว่าแบรนด์จะมีชื่อเสียง ทั้งในส่วนของการโฆษณา ส่งเสริมวิธีขาย รวมทั้งการโฆษณา งบประมาณด้านการตลาดต้องกำหนดไว้ตั้งแต่ทีแรก เนื่องจากไม่สามารถทราบได้ว่าจำเป็นต้องใช้เวลานานมากแค่ไหนกว่าผลิตภัณฑ์จะเริ่มจำหน่ายออกไปได้ ซึ่งงบประมาณการตลาดนั้นไม่ควรเยอะเกินไปจนกระทั่งทำให้รายจ่ายแย่ลงกว่าเดิม

3.งบประมาณด้านการปฏิบัติงานมีค่าปฏิบัติการสำหรับในการใช้บริการ OEM ซึ่งเป็นระบบที่เน้นย้ำในประเด็นการผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อ โดยที่ผู้ประกอบกิจการสามารถเปิดธุรกิจเป็นของตนเองได้ทันที แม้จะไม่ชำนาญด้านการผลิตหรือคิดแผนกลยุทธ์ด้านการตลาดก็ตาม เป็นต้นว่า ค่าวิจัยรวมทั้งปรับปรุงสูตร ค่าขึ้นบัญชีกับทางอย. ค่าลงทะเบียนสัญลักษณ์ ฯลฯ

ทำตลาดอาหารเสริมแบรนด์ตัวเอง ให้ยอดจำหน่ายโตทั้งในรวมทั้งต่างแดน อย่างไรการทำการตลาดของธุรกิจ SMEs ในช่องทางหลักๆแน่ๆว่ามีอยู่ 3 วิถีทาง ซึ่งทุกธุรกิจต้องให้ความสำคัญ

1.Offline Marketingถึงแม้กระแสแนวทางการขายผลิตภัณฑ์ออนไลน์ที่นับวันจะทวีความร้ายแรงมากเพิ่มขึ้น แต่แนวทางการทำตลาดผ่านวิถีทางออฟไลน์ก็ไม่สมควรไม่มีความสนใจเช่นเดียวกัน ช่องทางการตลาดแบบไม่มีอินเตอร์เน็ตนี้ยังคงประสบพบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่น การออกงานอีเวนต์ งานแสดงสินค้า การใช้เซลล์วิ่งหาลูกค้าตามหน้าร้านขายยา หรือ สินค้าเกี่ยวสุขภาพ สำหรับแบรนด์ขนาดเล็กที่มีงบประมาณจำกัดควรที่จะใช้สื่อออฟไลน์ให้เหมาะสมกับธุรกิจ

2.Online Marketingเป็นช่องทางที่ ผู้ประกอบธุรกิจ เจ้าของกิจการ จำเป็นต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ยิ่งในช่วงที่ผู้บริโภคต่างต้องช้อปออนไลน์เป็นหลัก ด้วยเหตุว่ามีความกลุ้มอกกลุ้มใจหัวข้อการช้อปนอกบ้านที่อาจจะก่อให้ติดเชื้อโรคได้ ตลาดอา หารเสริม 2021 เพราะช่องทางออนไลน์นี้เองที่จะทำให้ SMEs สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายรวมทั้งเร็วทันใจ กระตุ้นให้เกิดการบอกต่อได้อย่างสะดวกสบาย

มีค่าใช้จ่ายทางการตลาดน้อยเมื่อเทียบกับช่องทางอื่น เหมาะมากสำหรับผู้ริเริ่มทำธุรกิจแต่ว่าอย่างไรก็ดี ผ็ประกอบการต้องใช้แผนการอย่างถูกต้อง อย่างเช่น กระบวนการทำเว็บ การสร้าง Facebook Fanpage มีการให้ความรู้ความเข้าใจผ่านคอนเทนต์ สิ่งที่จะต้องเตรียมคืองบประมาณสำหรับในการลงประชาสัมพันธ์โฆษณาผ่านวิถีทางออนไลน์ด้วย

3.Omni Channelหนทางนี้ นับเป็นศาสตร์และก็ศิลป์ของการเชื่อมโยงหนทางทั้งหมดทั้งปวงของธุรกิจเข้าด้วยกัน ทั้งยังจากแนวทางการขายผ่านหน้าร้านและก็ทางออนไลน์ เพื่อเพิ่มความประทับสำหรับการใช้บริการ อย่างเช่น ลูกค้าใช้มือถือค้นหาอาหารเสริมบำรุงสมองจากหน้าเว็บของเรา แล้วก็ได้ให้ข้อมูลของตนไว้ สุดท้ายตกลงใจซื้อที่หน้าร้านค้า

ซึ่งข้อมูลที่ได้จะถูกเก็บไว้ภายในฐานข้อมูลในการทำตลาดคราวถัดไปความยากก็เลยอยู่ที่การบริหารจัดการและก็ควบคุมประสิทธิภาพที่จะจำเป็นต้องสนองตอบความชอบใจของลูกค้าแต่ละราย การจัดเก็บข้อมูลที่ดีแล้วก็การวิเคราะห์ที่เป็นระบบ ช่วยทำให้แบรนด์นำเสนอสินค้าได้ตรงตามสิ่งที่จำเป็น รวมทั้งสร้างความสัมพันธ์ที่ดีของคนซื้อที่มีต่อแบรนด์นั่นเอง

กลับสู่หน้าหลัก https://bri-chan.com/