ดูหนัง ปริศนาพลังฮีโร่

ดูหนัง ปริศนาพลังฮีโร่

ดูหนัง ปริศนาพลังฮีโร่

ดูหนัง ปริศนาพลังฮีโร่ ความแปลกใหม่ของเรื่องคือตัวละครหลักไม่ได้เป็นซูเปอร์วีรบุรุษแม้กระนั้นเป็นตำรวจธรรมดาที่ไม่มีพลังดีเลิศที่บากบั่นไปกับการตามล่ากล่าวโทษจริง รวมทั้งทำคดีไปเรื่อยๆโดยซูเปอร์ฮีโร่ในเรื่องไม่ได้เป็นตัวดีแบบหนังเรื่องอื่น แต่เป็นตัวร้ายที่หนังหลายเรื่องก็คงจะเคยทำ แต่ว่านี่เป็นหนังไต่สวนกล่าวโทษจริงกึ่งๆซูเปอร์ฮีโร่ ตัวป่วนของเรื่องก็เลยเป็นเด็กมีปัญหาที่ใช้พลังอันเกินขีดกำจัดก่อปัญหาวุ่นวาย กระทำการต่างๆที่เขาทำโดยใช้ความฉลาดโดยไม่จำเป็นต้องใช้พลังแต่ว่าสามารถไขปริศนาถึงแม้ว่าเขาจะได้ปะทะกับฮีโร่กลุ่มนี้โดยตรง พร้อมๆกับยอดสายสืบหญิงที่แม้บทจะมองเป็นตัวละครส่งเสริมแต่ว่าก็มีสาระในด้านของความฉลาดสำหรับในการช่วยตัวเอกตามหาเค้าเงื่อน แล้วก็ช่วยเหลือในสถานการณ์ยามฉุกเฉิน มีซีนรักโรแมนติกที่สวยให้ได้เห็นว่าทั้งสองคนเบาๆรักกันได้ยังไง สลับการเล่าปัญหาของเยาวชนที่ฮึกเหิม ปริศนาพลังฮีโร่ ที่อยากเล่นสนุกจนกระทั่งลืมนึกถึงตัวเองที่ส่งผลให้เกิดภัยต่อตัวเองรวมทั้งคนรอบตัว แม้แต่นักแสดงซูเปอร์ฮีโร่ที่เดี๋ยวนี้แอบแฝงอยู่ในโลกโดยทำตัวเป็นคนธรรมดาที่มองไม่ปกติสักเท่าไหร่ แม้กระนั้นก็รอช่วยเหลือและโชว์พลังที่ดีเลิศให้พวกเรามองเห็น บทสนทนาของผู้แสดงนั้นมีความยุติธรรมชาติ ไม่มองเป็นบทที่เน้นย้ำเอาโก้ มุ่งมั่น มองเป็นแบบที่คนธรรมดาทั่วไปจะพูดแทรกด้วยฉากตลกๆผ่านความประพฤติปฏิบัติของตัวละครอีกทั้งฝั่งมนุษย์รวมทั้งซูเปอร์วีรบุรุษที่ตัวร้ายเอง

Stan By Me Doraemon 2

เมื่อโดราเอม่อนทำฉันน้ำตาแตกอีกที!ถือว่าเป็นการต่อยอดได้ดีทีเดียว ที่ประเทศญี่ปุ่นปลุกปั้นแอนิเมชั่น 3D จากอานิเมะสุดคลาสสิคอย่างโดราเอม่อน เมื่อปี 2014 ก็ได้มี Stan By Me Doraemon เข้าฉาย เป็นการแตกไลน์เรื่องราวของโดราเอม่อน ที่มีเรื่องมีราวราวเอาจริงเอาจังของตนเอง

โดยการจับเอาตอนจบ (แบบนึงในเวอร์ชันดั้งเดิม) มาขึ้นหน้าจอยักษ์ในต้นแบบ แอนิเมชั่น 3D ร่วมยุค ด้วยตัวบทเอยอะไรเอย ทำให้คนดูผู้คนจำนวนมากเทใจให้ แล้วก็ยกให้เป็นเลิศใน The Movie ตอนที่เหมาะสมที่สุดของโดราเมก่อนเลยก็ว่าได้ เวลาผ่านไป 6-7 ปี (แต่เดิมต้องฉายเมื่อปีก่อน

แม้กระนั้นเพราะว่าพิษวัววิด-19 เลยเลื่อนมาฉายปีนี้แทน) Stan By Me Doraemon 2 ในภาคนี้เกิดเรื่องราวเกี่ยวกับการที่โนบิตะ(อีกแล้ว) อยากกลับไปเห็นย่าซักครั้ง จนได้ร้องขอโดราเอม่อนให้ช่วยพาย้อนเวลากลับไปซักหน่อย จนแล้วจนรอดพบกับคำขอของย่าว่าต้องการมองเห็นเจ้าสาวของโนบิตะจัง

ทางโนบิตะก็ได้ให้โดราเอม่อนเอาทีวีระยะเวลา ออกมาส่องดูอนาคตของตัวเอง แล้วพบว่าในวันแต่งงานของโนบิตะกับชิซูกะนั้น โนบิตะตอนโตได้หายไปไม่ยอมไปงานแต่งงาน ทำให้โนบิตะวัยเด็กและก็โดราเอม่อนนั้นจำต้องไปตามหารวมทั้งพาตัวกลับไปในงานแต่งอีกที เรื่องราววุ่นวาย

ที่เกือบจะทำให้ตัวเองเกือบตาย(อีกแล้ว) จะว่าไปโทนประเด็นนั้นส่วนตัวว่าในภาคนี้ ดูหนัง ปริศนาพลังฮีโร่ ออกจะที่จะรำคานความโก๊ะกังของโนบิตะมากมายก่ายกอง เป็นแบบว่าสร้างปัญหาเล็กๆให้เป็นเรื่องใหญ่ได้ตั้งแต่เด็กจนกระทั่งโต ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง

เป็นหนังภาคที่ส่วนตัวค่อนข้างจะไม่ค่อยโอเคกับนิสัยชอบหาเรื่องใส่ตัวของโนบิตะจริงๆแม้กระนั้นเนื่องจากว่าเรื่องราวโดยรวมมันเพลิดเพลินๆดุแล้วอมยิ้มไป รวมถึงการมาของคุณย่า ที่ออกมากี่ฉากก็ทำเอาคนดูน้ำตาซึมกันเลยทีเดียวสรุปแล้วเป็นอีกภาคที่ค่อนข้างจะต้องใจและก็มีคุณค่าแก่การไปดูในโรงภาพยนต์จริงๆ8/10

รีวิวหนัง The Equalizer มัจจุราชไม่มีเงา (2014) – แอ็คชั่นสุดสนุก

ของชายที่ตั้งตนเองเป็นศาลเตี้ยวันนี้เพึ่งมีโอกาสได้ดูหนังอย่าง The Equalizer มัจจุราชไร้เงา หนังแอ็คชั่นที่เคยฉายไปแล้วในปี 2014 ครับผม โดยการเอาซีรี่ส์ชื่อเดียวกันในสมัย 80 มาทำใหม่ขอรับ ของผู้กำกับ อองตวน ฟูคัว และก็ได้ดาราอย่าง เดนเซล วอชิงตัน ,โคลอี มอเรตซ์, มาร์ตัน โชแคส

มาร่วมแสดงในหนังประเด็นนี้ครับผม The Equalizer พญายมไร้เงา เกิดเรื่องราวของชายวัยกลางคนอย่าง โรเบิร์ด (รับบทโดย เดนเซล วอชิงตัน) เขาปฏิบัติงานในห้างแห่งหนึ่ง และก็มีนิสัยแปลกๆก็คือถูกใจรักษาความเป็นระเบียบทุกสิ่ง จนกระทั่งเขาได้มาเจอกับ ผู้หญิงหากินสาว (รับบทบาทโดย วัวลอี มอเรตซ์)

ที่พยายามจะหยุดเรื่องราวกลุ่มนี้รวมทั้งไปเป็นนักร้อง จนกระทั่งคุณนั้นถูกทำร้ายร่างกายจาก เจ้าพ่อมาเฟีย และด้วยความที่โรเบิร์ดนั้นชอบช่วยเหลือผู้คนอยู่แล้ว เขาก็เลยตั้งตัวเองเป็นศาลเตี้ยไล่ล่าพวกแก๊งมาเฟียสุดโหดเหี้ยม The Equalizer มัจจุราชไร้เงา แอ็คชั่นเป็นดีมาก ที่แบบมาคนเดียวเสียวอีกทั้งแก๊งคล้ายกับ

จอห์น วิค การเล่าเรื่องค่อนข้างจะเรียบง่าย แต่ว่าน่าติดตาม บวกกับฉากแอ็คชั่นมันส์ๆคือมองเพลินเอาเรื่องเลยล่ะ ถึงการเล่าเรื่องจะเรียบง่าย แต่ว่าไม่เสียอารมณ์แน่นอนเพราะว่าหนังใส่ร้ายป้ายสีแอ็คชั่นมาแบบจัดเต็ม แล้วก็ไม่ได้แออัดยัดเยียดคนดูกระทั่งเกินไป แถมได้ฉายแบบเรท R

เราก็เลยจะได้เห็นฉากยิงกันเลือดกระเด็นแน่ๆขอรับในหนังเรื่องนี้ แล้วก็สิ่งที่จะไม่ชมไม่ได้ก็คือด้านผู้แสดงนะครับ ทั้ง เดนเซล วอชิงตัน ,โคลอี มอเรตซ์ และ มาร์ตัน โชแคส แสดงได้เลิศนะครับ ส่วนน้องโคลอี ก็น่ารักน่าเอ็นดูไม่เปลี่ยนแปลงเลย ชี้แนะเลยขอรับสำหรับคอหนังแอ็คชั่น เรื่องนี้ไม่ควรพลาด The Equalizer มัจจุราชไม่มีเงา The Equalizer พญายมไม่มีเงา หนังแอ็คชั่นปีเก่าสไตล์ จอห์น วิค ที่แบบมาลำพังเสียวทั้งยังแก๊ง ที่มองเพลิดเพลินเรื่องราวน่าติดตาม มาพร้อมกับฉากแอ็คชั่นมันส์ๆฉบับเรท R

รีวิว MINARI

Minari เป็นผลงานการดูแลและก็เขียนบทของ Lee Isaac Chung เป็นลูกครึ่งเกาหลี-อเมริกัน ที่นำเรื่องราวชีวิตในวัยเด็กของตนเองเป็นแรงจูงใจมาทำเป็นหนัง โดยตัวหนังบอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวชาวเกาหลีที่ได้ตัดสินใจจากถิ่นกำเนิดมาอเมริกาหวังจะลงหลักปักฐาน แต่ว่าด้วยความฝันก็จำต้องย้ายจากเมืองนึงไปอีกเมือง

เริ่มนับ 0 กันใหม่ เปลี่ยนเป็นบททดลองชีวิตของครอบครัวนี้ถามคำถามว่าหนังสนุกสนานมั้ย ตอบตรงๆว่าไม่หรอก แต่ว่าถ้าหากถามคำถามว่าได้อะไรจากหนังมั้ย ดูหนัง ปริศนาพลังฮีโร่ จำเป็นต้องตอบเลยว่าจำนวนมากเลย หนังเรื่องนี้มันเปรียบได้กับหนังสารคดีที่พาเราไปตรวจเรื่องราวชีวิตของครอบครัวประเทศเกาหลีนี้

ผ่านนานัปการมุมมองมากมายผู้แสดงในครอบครัวทั้ง พ่อ แม่ ลูกชาย บุตรสาว คุณยาย พวกเราจะได้มองเห็นอีกทั้งแง่คิด มุมมองสำหรับเพื่อการดำเนินชีวิตของแต่ละคน ที่ทั้งยังทำให้พวกเราได้แง่คิดสำหรับการดำรงชีวิตต่างๆจำนวนมากหนังไม่ได้มองยากเลย เข้าใจง่าย อีกต่างหาก มันแค่เรื่อยๆเนิบๆเบาๆเล่าราวต่างๆไปทีละน้อยๆ

แฝงแง่คิดกลางทางที่แยบยลไม่ใช่เล่น ซึ่งเอาเข้าจริงๆมันก็ยังมีหลายจุดที่ยังไม่แน่ชัดไม่แน่ชัดและก็พวกเราก็ยังคงอยากได้คำตอบถึงหลายๆสิ่งอยู่ ก็ตามทางด้านดาราหนังต้องบอกเลยว่าแสดงดีทุกคนยอดเยี่ยมเลย ไม่สนเท่ห์ใจเลยว่าเพราะเหตุไร Steven Yeun และ Yuh-Jung Youn

ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์สรุปแล้ว Minari ไม่ใช่หนังที่สนุก แต่ถือว่าเป็นหนังที่ให้ข้อคิดเตือนใจดีๆกับพวกเราเรื่องนึงเลย อย่างไรก็ดีโดยส่วนตัวก็ยังคิดว่ามันไม่กลมกล่อมละมุนละไมอยู่ดี หลายๆซีนยังไม่สามารถที่จะส่งอารมณ์มาถึงพวกเราได้ขนาดนั้น เป็นเข้าใจทั้งหมดทุกอย่างที่เกิดขึ้นนะ

แม้กระนั้นยังพาพวกเราไปสัมผัสหรืออินตามได้ไม่มากพอ มันไม่ใช่หนังที่จะบอกให้ท่านยืนขึ้นมาเผชิญหน้าเห็นด้วยเคราะห์กรรมต่างๆแม้กระนั้นมันคือหนังที่บอกให้คุณดำรงชีพแบบเรียบง่าย ปรับตัว เห็นด้วยความเคลื่อนไหวในทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเข้ามาในชีวิต เหมือนดั่งที่ในหนังบอกเอาไว้ถึงต้น มิท้องนาริ ว่ามันคือวัชพืชที่ที่ปลูกได้ทุกแห่ง มันก็สามารถเติบโตและเติบโตได้อย่างเร็ว ไม่ว่าจะโดนลม ฝน แดดมากมายสักเท่าไหร่ มันก็ยังคงเจริญงอกงามอยู่ตลอด…นี่แหละคือสิ่งที่หนังเรื่องนี้ต้องการจะบอก

รีวิว บอสฉันขยันเฉือน – My Boss is a Serial Killer

นับได้ว่าเป็นหนังไทยที่น่าดึงดูดตั้งแต่ตัวอย่างและโครงเรื่อง ที่บอกเล่าเรื่องราวของพนักงานสถานที่ทำงานที่สงสัยว่าบอสของพวกเขาเป็นฆาตกรต่อเนื่อง! แถมหนังยังมีเหล่านักแสดงที่น่าสนใจล้นหลามทั้ง ไอซ์-ปรีชญา, ไข่มุก-นรินทร์รักษา, เผือก-พงศธร, โอ๊ต-ความปิติยินดี, ผักกาด-พอวิไล, ก้อง-สหรัถและก็ นอท-สัณหณัฐ (บ้านกูเอง)

แบบอย่างก็มีมุกบ้างเรี่ยราย พูดง่ายๆเป็นน่าสนใจทุกจุด ดูหนัง ปริศนาพลังฮีโร่ นึกภาพไว้ว่ามันควรจะเป็นแนวแบบหนังไล่เฉือน (Slasher) ผสมความเป็นภาพยนตร์ตลก (Comedy) อะไรอย่างงั้น…แต่ว่านั่นแหละอย่างที่บอกไป มันไม่สุดสักทาง ตัวหนังมักใหญ่ใฝ่สูงจะเป็นหลายสิ่งหลายอย่างเกินความจำเป็นกระทั่งเอาไม่อยู่เอากันที่จุดแรกเป็นนักแสดง

จะต้องบอกเลยว่านักแสดงแต่ละคนถือว่าแสดงเจริญในอย่างที่จะต้องเป็น แม้กระนั้นโชคร้ายบางผู้แสดงที่หนังไม่สามารถที่จะดึงสมรรถนะออกมาให้คนดูได้เห็นสักเท่าไหร่ รวมถึงบางตัวละครจากต้นจนกระทั่งหมดเรื่องก็ยังสงสัยว่า “มันมีความสำคัญจริงๆหรอ?”ต่อกันที่ความตลกขบขัน หนังมีการหยอดมุกตามทางเล็กน้อย

ที่เอาจริงๆไม่ได้ฮาอะไรสักเท่าไหร่ ทำเป็นเพียงยิ้มมุมปากกับบางมุก ซึ่งโดยมากออกไปทางแปกเสียด้วยซ้ำ จนกระทั่งจำต้องสะกิดตนเอง อ้อ…ฉากนี้เล่นมุกสินะพาร์ทของความระทึกยิ่งสอบตกเข้าไปใหญ่ จากตัวอย่างมีศพโน่นนี่นั่น ทำให้ระรานคิดไปอีกว่ามันต้องมีฉากไล่ฆ่า ฉากตื่นเต้น ลุ้นบ้างอะไรแบบงั้น

แต่เอาเข้าจริงๆหนังกลับทำเป็นไม่ถึง มีนะ แต่น้อย แถมยังไม่ตื่นเต้นเลยแม้กระทั้งนิดหนึ่ง ไม่สามารถทำให้ผู้ชมลุ้นตามรูปการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในเรื่องได้เลยแม้แต่น้อยถึงแม้หลายๆฉากน่าจะขยี้ให้ตื่นเต้นได้ก็ตาม อารมณ์แบบอ้ามาแล้วอะ…แล้วเดินจากไปซะแบบนั้นเนื้อเรื่องยิ่งไปกันใหญ่ เต็มไปด้วยความไม่มีเหตุผล

ของทุกตัวละคร ยิ่งช่วงท้ายนี่เด่นชัดเลย การตัดสินใจการกระทำต่างๆของนักแสดงมันมอง “อิหยังวะ” เรื่องเฉลยคำตอบเงื่อนคนร้ายก็มองแบบยังไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้ผู้ชมเชื่อ ในซีนนั้นคนร้ายแสดงได้นับว่าดีนะ แต่ว่าบทที่พูดดูเฮฮา ไม่ธรรมชาติเลยอะ และการคลี่คลายเรื่องราวก่อนไปซีนในที่สุดก็ทำเป็นแบบจับยัดมาก

เป็นทั้งเรื่องไม่มีการปูเรื่องราวกลุ่มนี้ให้ผู้ชมได้คิดตาม เพียงพอถึงจุดนึงก็ดันตัดสินใจยัดๆเรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างเฉลยคำตอบในซีนเดียวแต่แต่กระนั้นสิ่งที่อดชมมิได้เลยจริงๆเป็นงานออกแบบ การใช้แสงสว่าง สี เสียงหรือมุมกล้องในการถ่ายทำนับว่างามจริงๆผ่านกรรมวิธีการคิดมาอย่างดี บางซีนนี่จำเป็นต้องพูดว่าเท่มากสรุปแล้ว

บอสฉันขยันเฉือน แปลงเป็นหนังไทยที่น่าเสียดาย มันมีองค์ประกอบทุกๆอย่างมันดีหมดแล้วอะ ไอเดียเริ่มต้นเอย ตัวละครเอย ครบที่ควรจะเป็นหนังที่รื่นเริงได้มากกว่านี้ถ้าเกิดเอาแต่ละทางให้สุดกว่านี้ ขณะนี้มันเหมือนแบบแตะโน่นนิดแตะนี่หน่อย อะนั่นอีกหน่อยละกัน นี่อีกนิดน่า มันเลยกลายเป็นน่าเสียดายแบบสุดๆไปเลย

Nobody

คือหนังที่ซึ่งพูดได้ว่าซื้อผมได้ตั้งแต่ปล่อยตัวอย่างแรก มีทุกองค์ประกอบความน่าดู ความกวนตีน ฉากแอ็คชัน คาแรคเตอร์ เป็นมองแค่แบบอย่างคิดเลยว่าหนังแม่งจำต้องบันเทิงใจแน่ๆและก็มันก็โคตรสนุกอย่างที่คาดจริงๆยิ่งชื่อของผู้กำกับรวมทั้งผู้เขียนบทยิ่งต้องการจะล้วงตังไปดูบัดเดี๋ยวนั้น

หนังประเด็นนี้เป็นผลงานการดูแลของ Ilya Naishuller ที่เคยฝากผลงานแอ็คชันเดือดๆมาแล้วใน Hardcore Henry แล้วก็ได้มือเขียนบทอย่าง Derek Kolstad ที่เคยเขียนบทให้ John Wickหนังบอกเล่าเรื่องราวของ “Nobody” คนธรรมดา ชายผู้รักครอบครัว มีเมีย มีลูกชายลูกสาวที่สวย

แต่ว่าอยู่มาวันหนึ่งดันเกิดเหตุไม่คาดคิด มีขโมยมาปล้นบ้าน มันเริ่มทำให้เขาต้องการปล่อยตัวตนที่จริงจริงในสมัยก่อนออกมา และก็เขาดันเลือกไปปล่อยกับลูกมาเฟียรัสเซียตัวเป้ง ความเพลิดเพลิน ดูหนัง ปริศนาพลังฮีโร่ ความดิบ ความเดือดของคนเดินดินจึงเริ่มขึ้นดารานำชายโคตรโก้ กับการแสดงของ Bob Odenkirk

ไม่มีที่ติจริงๆทุกการพูด ทุกการเคลื่อนไหว ยิ่งฉากแอ็คชันนี่เท่มาก โคตรดิบ โคตรดุ ฉากแอ็คชันไร้ที่ว่ากล่าวทุกฉาก ยิ่งฉากบนรถเมล์ในตัวอย่างแม่งเท่มากกกกกกกก ซึ่งทุกฉากแอ็คชันมันมองไม่เวอร์เหนือมนุษย์เหลือเกิน มีการเจ็บ มีโดนบ้าง มันยิ่งทำให้หนังดูดิบดูจริง และก็ยิ่งลุ้นไปกับการสู้ทุกครั้งของดารานำชาย

และก็ไอ้จุดนี้แหละที่ทำให้หนังโคตรมันหนังมีส่วนผสมของหนังหลายเรื่อง แน่ล่ะ มีความเป็น John Wick แถมยังมีความเป็น Red, Equalizer และก็ Home Alone จับมาเขย่าๆกันจนกระทั่งแปลงเป็นหัวข้อนี้เนี่ยแหละทางด้านเรื่องราวนับว่าทำออกมาก้าวหน้าเลย เล่าเรื่องบันเทิงใจ ดำเนินเรื่องได้น่าสนใจ

ไม่มีเบื่อ ถึงแม้ว่าทีแรกๆจะปูเรื่องเยอะไปนิด แต่ว่าขอบอกว่าไม่เกินอึดใจความเดือดทะลุปรอทก็เริ่มขึ้น ต่อจากนั้นความรื่นเริงใจแบบเต็มสูบจ้าาาส่วนดนตรีประกอบจำเป็นต้องบอกเลยว่าเข้ามาก สมควรทุกฉาก ยิ่งตอนแอ็คชันตอนท้าย ไม่มีเพลงไหนเข้าไปกว่านี้อีกละ 555+สรุป Nobody คือหนังที่มีคุณค่าแก่การดูมากมาย เป็นหนังที่มีอีกทั้งความเท่ ความดิบ แอ็คชันมันๆมีความตลก สรุปว่าเบิกบานแน่ๆ ผ่านไป 4 เดือน นี่เป็นหนังที่ชอบที่สุดเดี๋ยวนี้แล้ว

กลับสู่หน้าหลัก https://bri-chan.com/